บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (GM) ได้เรียกพนักงานที่เป็นสมาชิกสหภาพจำนวน 1,350 ราย เนื่องจากบริษัทได้เพิ่มการผลิตในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะโครงการและรถเก่าซื้อรถใหม่ที่รัฐบาลนำมาใช้ช่วยทำให้ความต้องการซื้อรถใหม่ในประเทศเพิ่มขึ้น โดยการเรียกพนักงานกลับมาทำงานนี้ ถือเป็นการเพิ่มจำนวนพนักงานที่มากที่สุดต่อครั้งนับตั้งแต่ปี 2549 เงยทีเดียว
จีเอ็มวางแผนที่จะเพิ่มชั่วโมงการทำงานที่โรงงาน CAMI ที่เมืองออนทาริโอ ประเทศแคนาดา ซึ่งโรงงานดังกล่าวจะออกแบบและประกอบเชฟโรเล็ต เอควิน็อกซ์ และจีเอ้มซี เทอร์เรน รุ่นใหม่ รวมถึงการเพิ่มจำนวนชั่วโมงการทำงานที่เมืองลอร์ดสทาวน์ รัฐโอไฮโอ ที่ทำหน้าที่ประกอบรถเชฟโรเล้ต โคบอลท์ ซึ่งการเพิ่มจำนวนชั่วโมงการทำงานเหล่านี้ทำให้บริษัทดึงพนักงานที่เป็นสมาชิกของสหภาพพนักงานธุรกิจยานยนต์ของสหรัฐและแคนาดากลับเข้ามาร่วมงานมากขึ้น หลังจากที่ยอดขายปรับตัวสูงขึ้นตามคาดการณ์ โดยโรงงานที่ออนทาริโอจะดำเนินการผลิตเต็มขีดความสามารถ
บลูมเบิร์กรายงานว่า เอริค เมอร์เคิล ประธานบริษัทที่ปรึกษาออโตโคโนมี กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ผ่านพ้นไปแล้ว และยอดขายรถอาจจะอ่อนตัวลงอีกเมื่อโครงการซื้อรถใหม่แลกรถเก่าสิ้นสุดลง แต่เชื่อว่าผลพวงจากโครงการดังกล่าวจะช่วยให้เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งขึ้น
มาร์ค ลาเนเว รองประธานที่ดูแลด้านการขายในสหรัฐ กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนการผลิตรถของบริษัททำให้มีการวางแผนที่จะเพิ่มจำนวนพนักงาน เพราะไตรมาส 4 บริษัทจะผลิตรถมากขึ้นประมาณ 60,000 คัน เพื่อที่จะผลิตรถให้ได้ในจำนวน 642,000 คัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่ายอดไตรมาส 3 ประมาณ 20% บริษัทคาดว่า ยอดขายเดือนก.ค.และส.ค.จะสูงเท่าคาดการณ์ที่จัดทำขึ้นภายในของบริษัทที่ 60,000 - 70,000 คัน
คริส ลี โฆษกของ GM กล่าวว่า จีเอ็มได้เพิ่มชั่วโมงการทำงานของโรงงานที่เมืองลอร์ดสทาวน์และที่มิชิแกน เพื่อประกอบรถเชฟโรเล็ต มาลีบู ซึ่งโรงงานเหล่านี้จะมีชั่วโมงการทำงาน 10 ชั่วโมงต่อวันเป็นเวลา 4 วันต่อ 1 สัปดาห์
ทิม ลี รองประธานของจีเอ็ม กรุ๊ป ซึ่งดูแลงานด้านแรงงานและการผลิตทั่วโลก กล่าวว่า ตอนนี้ เรากำลังเพิ่มการผลิตในทุกภาคการผลิตที่มีอยู่ในสหรัฐ