นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสด ช่วง 10 เดือนแรกปีงบประมาณ 52 (ต.ค.51-ก.ค.52) รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณ จำนวน 449,241 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้ 1.128 ล้านล้านบาท แต่มีการเบิกจ่าย 1.578 ล้านล้านบาท
แต่เมื่อดุลเงินนอกงบประมาณเกินดุลจำนวน 71,138 ล้านบาท จากการออกพันธบัตรตาม พ.ร.ก.กู้เงิน ฯ จำนวน 50,000 ล้านบาท และการได้รับรายได้จากการชดใช้เงินคงคลังจำนวน 27,540 ล้านบาท ทำให้ดุลเงินสดของรัฐบาลขาดดุล 378,103 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้บริหารเงินสดให้สอดคล้องกับความต้องการใช้เงิน รวมทั้งสร้างความมั่นคงของฐานะการคลัง จึงได้ชดเชยการขาดดุลดังกล่าวด้วยการออกพันธบัตร ตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วเงินคลังรวม 428,030 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลเกินดุลเงินสดจำนวน 49,927 ล้านบาท
ส่วนฐานะการคลังของรัฐบาล เดือน ก.ค.52 รัฐบาลเกินดุลเงินสด 63,644 ล้านบาท โดยที่รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณจำนวน 62,661 ล้านบาทจากที่มีรายได้นำส่งคลัง 101,457 ล้านบาท แต่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ 164,118 ล้านบาท
เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุล 61,305 ล้านบาท จากการออกพันธบัตร ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพื่อสมทบเงินคงคลังจำนวน 50,000 ล้านบาท การออกตั๋วเงินคลังสุทธิจำนวน 3,000 ล้านบาท และรายได้จากส่วนเกินพันธบัตรอีกจำนวน 800 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดจำนวน 1,356 ล้านบาท แต่มีการกู้เงินเพื่อการชดเชยการขาดดุลโดยออกพันธบัตรจำนวน 65,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ เงินคงคลัง ณ สิ้น ก.ค. 52 อยู่ที่ 278,987 ล้านบาท