(เพิ่มเติม) พาณิชย์เผย ก.ค.ส่งออกหดตัว 25.7% นำเข้าลด 32.5% เกินดุลฯ 706 ล้านดอลล์

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 19, 2009 12:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกในเดือน ก.ค.52 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 25.7% คิดเป็นมูลค่า 12,908 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงสุดในรอบปีนี้ ขณะที่การนำเข้าลดลง 32.5% คิดเป็นมูลค่า 12,202 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เกินดุลการค้า 706 ล้านดอลลาร์

สำหรับช่วง 7 เดือนแรกปีนี้(ม.ค.-ก.ค.52) มียอดการส่งออก 81,115 ล้านดอลลาร์ ลดลง 23.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 69,418 ล้านดอลลาร์ หดตัว 34.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ช่วงครึ่งปีแรกไทยเกินดุลการค้า 11,697 ล้านดอลลาร์

นายศิริพล กล่าวว่า การส่งเดือนในเดือน ก.ค.ถือว่ามีมูลค่าสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี โดยสินค้าทุกกลุ่มสามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้น และคาดว่าการส่งออกตั้งแต่เดือน ส.ค.เป็นต้นไปจะมีมูลค่าสูงเกินกว่า 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากสัญญาณเศรษฐกิจของประเทศไทย และตลาดต่างประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น การส่งออกสินค้าเกษตรของไทย โดยเฉพาะยางพารา มันสำปะหลัง และข้าว มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ขณะที่นโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนอำนาจความสะดวกด้านการเงินให้กับผู้ส่งออกจะเริ่มส่งผลในช่วงไตรมาส 3/52

"สิ่งที่เราพบคือเชื่อว่าตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้สถานการณ์ของหลายประเทศเริ่มดีขึ้น ทำให้การส่งออกช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 จะเป็นตัวเลขที่เติบโตขึ้น...ตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไปจะเฉลี่ยเกิน 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน"นายศิริพล กล่าว

กระทรวงพาณิชย์ แถลงว่าการส่งออกในเดือน ก.ค.52 สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตร มีมูลค่าลดลง 28.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญลดลง 22.6% และสินค้าอื่น ๆ ลดลง 33.1% แต่สินค้าทุกกลุ่มสามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้นจากเดือน มิ.ย.52 ขณะที่การส่งออกไปยังตลาดหลักลดลง 26.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และตลาดใหม่ลดลง 25.3%

ด้านการนำเข้าลดลงในทุกหมวดสินค้า โดยกลุ่มสินค้าเชื้อเพลิงมีมูลค่าการนำขเลดลง 45.4% คาดว่าจะเป็นผลจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สินค้าทุนนำเข้าลดลง 23.4% สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปลดลง 33.8% สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ลดลง 24.9%

ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในปีนี้จะพยายามผลักดันการส่งออกให้ติดลบน้อยที่สุด หรือให้ใกล้เคียงระดับ 10% โดยเชื่อว่าการส่งออกในปีนี้คงไม่ติดลบไปสูงมากเท่าที่หลายสถาบันได้คาดการณ์ไว้ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)คาดว่าการส่งออกจะติดลบ 24.5-27.5% ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์)คาดว่าจะติดลบ 15%

นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกของไทยไปยังตลาดใหม่และตลาดเดิม เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ในปีนี้คาดว่าสัดส่วนการส่งออกไปยังตลาดใหม่จะเพิ่มมาที่ 50-55% ขณะที่ตลาดหลักจะมีสัดส่วนส่งออกไปราว 45-50% โดยขณะนี้มูลค่าการส่งออกเมื่อเทียบเดือนต่อเดือนมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่วนแบ่งการตลาดของสินค้าไทยในตลาดโลกเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 51

นอกจากนี้ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่เป็นตลาดหลักของไทย เช่น สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น รวมทั้ง จีนและอินเดีย มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ก็จะทำให้การส่งออกของไทยไปในประเทศเหล่านี้ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน

การส่งออกของไทยในปีนี้จะใกล้เคียงกับระดับติดลบ 10% ได้ จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ทั้งนโยบายด้านการเงินและอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการส่งออก ซึ่งหากกระทรวงการคลังสนับสนุนให้ธนาคารของรัฐปล่อยสภาพคล่องให้กับอุตสาหกรรมส่งออกและท่องเที่ยวได้มีเงินทุนหมุนเวียน และช่วยลดตนทุนทางการเงิน เช่น ภาษีมุมน้ำเงิน ก็เชื่อว่าเป้าหมายที่ติดลบแค่ 10% ก็น่าจะเป็นไปได้ แต่ถ้าไม่มีนโยบายสนับสนุนก็อาจะทำให้การส่งออกติดลบไปถึง 15-19% ได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ