วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนแนะรัฐบาลสหรัฐแก้ปัญหาด้านการใช้นโยบายทางการเงินกรณีที่มีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเป็นจำนวนมาก หวั่นก่อให้เกิดหนี้สาธารณะซึ่งเป็นภัยคุกคามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและเป็นปัจจัยลบต่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
บลูมเบิร์กรายงานอ้างความคิดเห็นของบัฟเฟต์ที่เขียนลงในหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สฉบับวานนี้ว่า เม็ดเงินภาครัฐที่มีอยู่ในขณะนี้สามารถเยียวยาระบบการเงินของสหรัฐได้ก็จริง แต่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวได้อย่างเชื่องช้า ขณะเดียวกันก็ยอมรับในความสามารถของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และคณะทำงานของบุชและโอบามาที่กล้าตัดสินใจใช้มาตรการต่างๆอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
รัฐบาลสหรัฐกำลังพยายามกระตุ้นการใช้จ่ายภาคธุรกิจและผู้บริโภคผ่านการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 7.87 แสนล้านดอลลาร์ ที่ประกอบด้วยนโยบายลดหย่อนภาษี และการพัฒนาโครงการด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน ขณะที่กระทรวงการคลังและเฟดได้ใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อพลิกฟื้นธุรกิจของสถาบันการเงิน ขณะที่ยอดขาดดุลบัญชีของสหรัฐอาจพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.841 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน
ทั้งนี้ บัฟเฟต์กล่าวเสริมว่า เราจำเป็นต้องรับมือกับผลข้างเคียงจากการใช้ยาหลายขนานที่นำมาเยียวยารักษาระบบการเงิน ซึ่งขณะนี้ผลกระทบส่วนใหญ่ต่างแสดงให้เห็นออกมาเป็นรูปธรรม แต่ก็ยังมีผลกระทบบางอย่างที่ยังไม่ปรากฏให้เห็นในขณะนี้