ดุลบัญชีการค้าของอังกฤษในเดือนก.ค.ส่อเค้าขาดดุลครั้งแรกในรอบ 13 ปี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งรุนแรงที่สุดหลังยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ภาครัฐและทำให้รัฐบาลมีอัตราการจ่ายเงินสวัสดิการสำหรับผู้ว่างงานมากขึ้น
ผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์จากโพลล์ของบลูมเบิร์กระบุว่า กระทรวงคลังอังกฤษจะรายงานยอดขาดดุลการค้า 600 ล้านปอนด์ (987 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อเทียบกับยอดเกินดุลที่ระดับ 5.2 พันล้านปอนด์ในปีก่อนหน้านี้ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติมีกำหนดเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในเวลา 09:30 น.ของวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงลอนดอน
เดวิด เพจ นักวิเคราะห์จากอินเวสเทค ซีเคียวริตี้ในกรุงลอนดอน กล่าวว่า "โดยปกติแล้วเดือนก.ค.มักเป็นช่วงที่รัฐบาลมีรายได้มากขึ้น แต่ในเวลานี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น ซึ่งในเดือนก.ค.ปีที่แล้ว รัฐบาลมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีสูงถึง 12% ของดุลบัญชีทั้งหมด"
ทั้งนี้ เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา นายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษตั้งเป้าจะขายตราสารหนี้ 2.20 แสนล้านปอนด์ในปีงบประมาณนี้ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือแสตนดาร์ด แอนด์ พัวร์เตือนว่าอังกฤษอาจสูญเสียอันดับเครดิตที่ AAA
อย่างไรก็ตาม กระทรวงคลังอังกฤษคาดว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าในรอบปีที่สิ้นสุด ณ เดือนมี.ค.2552 จะอยู่ที่ 1.75 แสนล้านปอนด์ หรือ 12.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ อังกฤษขาดดุล 4.12 หมื่นล้านปอนด์ ซึ่งคิดเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ในปีนี้ กระทรวงคลังมีรายได้ลดลง 10% จากปีก่อนหน้านี้ จากผลกระทบของรายได้ในการจัดเก็บภาษีและยอดค้าปลีกที่ลดลง รวมถึงอัตราการทำธุรกรรมซื้อขายบ้านและผลกำไรจากสถาบันการเงินที่ซบเซา