ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะเสนอขายพันธบัตรออมทรัพย์ วงเงิน 5 หมื่นล้านบาทในวันที่ 3-7 ก.ย.โดยพันธบัตรรุ่นอายุ 4 ปี กำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.50% ส่วนพันธบัตรรุ่นอายุ 7 ปี กำหนดอัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได โดยปีที่ 1-2 ให้อัตราดอกเบี้ย 3%, ปีที่ 3-4 อัตราดอกเบี้ย 4%, ปีที่ 5-6 อัตราดอกเบี้ย 5% และปีที่ 7 อัตราดอกเบี้ย 6%
นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า การออกพันธบัตรออมทรัพย์ของ ธปท.ครั้งนี้ จะไม่กระทบต่อสภาพคล่องในระบบ เนื่องจากพันธบัตรดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการดูดซับสภาพคล่องของ ธปท.อีกวิธีหนึ่ง และยังเป็นทางเลือกการออมเงินของผู้ต้องการลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์
นอกจากนี้ ยังพบว่ากระทรวงการคลังจะมีพันธบัตรที่ครบกำหนดในวันที่ 2 ก.ย.52 วงเงิน 50,000 ล้านบาท ดังนั้น การออกพันธบัตรออมทรัพย์ ธปท. ยังช่วยรองรับผู้ถือพันธบัตรที่ครบกำหนดดังกล่าวด้วย
และจากการสำรวจความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในพันธบัตร พบว่ากลงทุนยังมีความต้องการลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ธปท.พร้อมขยายวงเงินการออกพันธบัตรออมทรัพย์ หากนักลงทุนยังมีความต้องการมากกว่าวงเงินที่ออกขายในครั้งนี้
"สภาพคล่องในระบบขณะนี้ยังมีเพียงพอไม่น่ากังวล เพราะแต่ละวัน แบงก์ชาติได้มีการปล่อยสภาพคล่องออกไป 5-7 แสนล้านบาท และมีเงินไหลกลับเข้ามาในวงเงินเดียวกัน สะท้อนสภาพคล่องในระบบยังมีอยู่...ไม่อยากให้ประชาชนมีข้อจำกัดในการลงทุน หากมีความต้องการซื้อแล้วไม่สามารถซื้อได้" นางธาริษา กล่าว
ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวอีกว่า การออกพันธบัตรออมทรัพย์ของ ธปท. ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ให้ปรับสูงขึ้น เพราะการปรับดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับสภาพคล่องและฐานลูกค้าของธนาคารแต่ละแห่ง แต่หากจะทำให้ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารเร่งตัวขึ้นบ้าง ก็จะเป็นประโยชน์กับผู้ฝากเงิน
นอกจากนี้พันธบัตรออมทรัพย์ ธปท. ไม่น่ากระทบต่อผลตอบแทนในตลาด เพราะมีฐานลูกค้าแตกต่างกัน พันธบัตรในตลาดจะเป็นนักลงทุนสถาบัน แต่พันธบัตรออมทรัพย์เปิดขายให้นักลงทุนรายย่อย
นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธปท. กล่าวว่า การออกพันธบัตรออมทรัพย์ครั้งนี้เพื่อช่วยให้การบริหารสภาพคล่องในตลาดเงินของประเทศอยู่ในระดับเหมาะสม และช่วยให้ผู้ที่มีเงินออมมีทางเลือกการลงทุนเพิ่มขึ้น และเปิดโอกาสให้สหกรณ์ มูลนิธิ และองค์กรสาธารณะที่ไม่มุ่งหวังกำไร ได้มีโอกาสลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์ที่เป็นทางเลือกการออมและการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนดี เหมาะแก่ผู้ต้องการออมเงินระยะยาว และมีรายได้จากดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอ ธปท.จึงออกพันธบัตรออมทรัพย์รุ่นใหม่ครั้งนี้
ทั้งนี้ หากนักลงทุนมีความต้องการซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ดังกล่าวมากเกินจากวงเงิน 50,000 ล้านบาท ธปท. พร้อมเพิ่มวงเงินเป็น 1 แสนล้านบาท โดยเชื่อว่าสภาพคล่องในระบบยังมีเพียงพอรองรับ ซึ่งสภาพคล่อง ณ สิ้น มิ.ย.52 อยู่ที่ 2 ล้านล้านบาท ขณะที่มีสภาพคล่องส่วนเกิน 1.7 ล้านล้านบาท
นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าพันธบัตรออมทรัพย์ของ ธปท.จะไม่สร้างแรงกดดันให้ดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์เร่งตัวขึ้น โดยดอกเบี้ยออมทรัพย์ที่ออกขาย อายุ 7ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 4.2% ขณะที่ผลตอบแทนในตลาดอยู่ที่ 3.5% ส่วนอายุ 4 ปี กำหนดดอกเบี้ย 3.5% ผลตอบแทนในตลาดอยู่ที่ 3.88%
สำหรับพันธบัตรออมทรัพย์ ธปท. วงเงิน 50,000 ล้านบาท อายุ 4 ปี และ 7 ปี ผู้ที่สนใจสามารถรับหนังสือชี้ชวน และใบคำเสนอซื้อพันธบัตรฯ ผ่านธนาคารพาณิชย์ 10 แห่ง เป็นตัวแทนจำหน่าย กำหนดวงเงินซื้อขั้นต่ำ 50,000 บาท/ราย และซื้อเพิ่มเป็นจำนวนเท่าของ 10,000 บาท เปิดขายวันที่ 3-4 ก.ย. และ 7 ก.ย.52 กำหนดจ่ายดอกเบี้ย ปีละ 2 งวด ทุกวันที่ 3 มี.ค.และ 3 ก.ย.ของทุกปี เมื่อผู้ถือพันธบัตรออมทรัพย์ครบ 6 เดือน สามารถเปลี่ยนมือหรือซื้อขายในตลาดรองได้