นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 30 มิ.ย.52 มีจำนวน 3.831 ล้านล้านบาท คิดเป็น 43.38 ของ GDP ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 2,796 ล้านบาท จากการลดลงของหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 11,446 ล้านบาท จากการปรับลดระดับตั๋วเงินคลังลง จำนวน 16,000 ล้านบาท เพื่อปรับระดับดุลเงินสดให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดรับ - จ่ายของรัฐบาลในเดือนดังกล่าว
ประกอบกับรัฐบาลได้ดำเนินการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 21,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้จากการออกพันธบัตรไปทยอยชำระคืนต้นเงินกู้ระยะสั้น ที่ใช้เป็น Bridge Financing วงเงิน 30,000 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด เมื่อ พ.ค.52 และรัฐบาลได้ทำการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 9,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน ลดลง 2,077 ล้านบาท จากการลดลงของหนี้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกันจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ไถ่ถอนพันธบัตร จำนวน 3,000 ล้านบาท และออกพันธบัตร จำนวน 1,000 ล้านบาท ส่วนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ลดลง 3,173 ล้านบาท จากการซื้อคืนพันธบัตรของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ที่กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน แต่หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 13,900 ล้านบาท ที่สำคัญมาจากการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพได้ออกพันธบัตร จำนวน 3,782 ล้านบาท
โดยหนี้สาธารณะคงค้าง แยกเป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 2.466 ล้านล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1.052 ล้านล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินที่รัฐบาลค้ำประกัน 205,889 ล้านบาท หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 102,020 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 3,755 ล้านบาท
สำหรับสัดส่วนหนี้สาธารณะ แยกเป็นหนี้ต่างประเทศ 377,974 ล้านบาท คิดเป็น 9.87% และหนี้ในประเทศ 3.453 ล้านล้านบาท คิดเป็น 90.13% และเป็นหนี้ระยะยาว 3.377 ล้านล้านบาท คิดเป็น 88.15% และหนี้ระยะสั้น 454,126 ล้านบาท คิดเป็น 11.85% ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง