นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/52 ยังคงติดลบเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หากเทียบไตรมาสต่อไตรมาสจะขยายตัวราว 2% จากไตรมาส 1/52 และเศรษฐกิจไทยในช่วงต่อไปก็น่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากผลของมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ
"ดีกว่า Q1/52 ที่ติดลบ 7.1% ในส่วนของรัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจจะเร่งมาตรการลงทุนในแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ซึ่งเม็ดเงินจะเข้าระบบได้ในเดือน ก.ย.ถึง ต.ค.นี้ เพื่อรักษาระบบเศรษฐกิจของประเทศเอาไว้" นายกรณ์ กล่าว
รมว.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลตระหนักดีว่าการพัฒนาประเทศจะคำนึงถึงเฉพาะตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ(GDP) เพียงอย่างเดียวไม่ได้ เพราะตามรัฐธรรมนูญยังกล่าวถึงเรื่องอื่นๆ ได้แก่ สิทธิมนุษยชน คุณภาพชีวิต เสรีภาพ การรักษาสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ดังนั้นรัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับประเด็นอื่นๆ นอกเหนือจาก GDP ด้วย
สำหรับความคืบหน้าในการออกพันธบัตรตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง รอบ 2 นั้น รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลพันธบัตรที่กำลังจะครบกำหนดชำระ เพื่อกำหนดเป็นกรอบวงเงินพันธบัตรรอบใหม่ โดยจะทำในลักษณะของการรีไฟแนนซ์ก่อน เพราะหากรัฐบาลรวมออกพันธบัตรรอบเดียวจะทำให้ต้นทุนสูงเกินความจำเป็น
ส่วนกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ออกพันธบัตรออมทรัพย์ 5 หมื่นล้านบาทนั้น เป็นการออกเพื่อทดแทนพันธบัตรช่วยชาติที่ครบกำหนดไถ่ถอน ซึ่งได้มีการประสานเรื่องกำหนดเวลากับกระทรวงการคลังเป็นอย่างดีแล้ว และน่าจะเป็นโอกาสดีของประชาชนที่จะได้รับผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงิน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องในระบบการเงิน เนื่องจากปัจจุบันยังมีสภาพคล่องเหลืออยู่มากถึง 1.7 ล้านล้านบาท
รมว.คลัง ยังกล่าวถึงการเปิดเสรีทางการเงินว่า รัฐบาลคงไม่ดำเนินการตามตลาดสหรัฐและสหภาพยุโรป เพราะไม่เชื่อทีเดียวว่ากลไกตลาดจะช่วยปกป้องไม่ให้เกิดความเสียหายได้ ดังนั้น การที่รัฐบาลจะเข้ามาดูแลหรือจัดตั้งองค์กรอิสระขึ้นมาดูแลยังเป็นเรื่องจำเป็นที่ช่วยไม่ให้เกิดการบิดเบือนกลไกตลาด