ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐในเดือนก.ค.มีแนวโน้มพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน ซึ่งส่งสัญญาณให้เห็นว่าวิกฤตการณ์ในตลาดที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นต้นตอของภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจในสหรัฐกำลังคลี่คลายลง
นักวิเคราะห์จากโพลล์ของบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 2.1% ต่อปี แตะที่ 5 ล้านหลัง ซึ่งทำสถิติขยายตัวเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และคาดว่ายอดขายบ้านใหม่ในเดือนก.ค.จะเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.
ราคาบ้านที่ลดลงอันเป็นผลสืบเนื่องจากอัตราการยึดบ้านหลุดจำนองที่มากขึ้น ประกอบกับการปล่อยเงินกู้ของรัฐบาลสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรก และอัตราเงินกู้จำนองบ้านที่ลดลงใกล้ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์อาจช่วยกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศและช่วยให้เศรษฐกิจรอดพ้นจากภาวะถดถอยครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1930 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขว่างงานในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ชาวอเมริกันถูกยึดบ้านหลุดจำนองเช่นกัน
"ยอดขายบ้านเริ่มฟื้นตัวขึ้น" เอลเลน เซนท์เนอร์ นักวิเคราะห์อาวุโสจากแบงก์ ออฟ โตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ในนิวยอร์กกล่าวว่า "สำหรับผู้ที่มีเครดิตดี ขณะนี้คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการซื้อบ้าน ซึ่งเราหวังว่าสถานการณ์จะยังเป็นเช่นนี้ต่อไป"
ทั้งนี้ สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์มีกำหนดรายงานยอดขายบ้านมือสองในเวลา 10:00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนก.ค.ในสัปดาห์หน้า
โดยบริษัท Toll Brothers Inc. ผู้รับก่อสร้างบ้านหรูรายใหญ่สุดของสหรัฐเปิดเผยรายได้ไตรมาส 3 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วซึ่งพุ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แม้ยอดขายจะลดลง 42% ขณะที่สัญญาสร้างบ้านใหม่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2548
คณะทำงานของโอบามาได้พยายามกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วยการจัดสรรนโยบายภาษีเงินกู้ 8,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับผู้ซื้อบ้านหลังแรกที่ทำธุรกรรมซื้อขายก่อนวันที่ 1 ธ.ค. นอกจากนี้ รัฐบาลยังเพิ่มแรงจูงใจให้กับผู้ออกเงินกู้ด้วยการปรับเงื่อนไขการชำระหนี้เงินกู้ ส่วนธนาคารกลางสหรัฐเดินหน้าซื้อหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อช่วยลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงอีกทางหนึ่ง