น.พ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)เร่งจ่ายเงินชดเชยช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบกรณีการปล่อยน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี ทำให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหายจำนวน 240 ราย คาดว่าต้องใช้เงินชดเชย 25 ล้านบาท
ส่วนผู้รับผิดชอบจากเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น คณะทำงานตรวจสอบความเสียหายของประชาชนจากการปล่อยน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า จะได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์ และได้มอบหมายให้กฟผ.ได้เตรียมแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินไว้ เพื่อป้องกันหากเกิดเหตุไฟฟ้าดับในทุกสถานการณ์
"ยอมรับว่าปัจจุบันไทยพึ่งพาก๊าซธรรมชาติ เพื่อนำมาผลิตไฟฟ้ามากเกินไปคิดเป็นสัดส่วน 3 ใน 4 ของเชื้อเพลิงทั้งหมด ดังนั้น จึงเร่งทำแผนพึ่งพาเชื้อเพลิงประเภทอื่นมารองรับ เช่น ถ่านหินและนิวเคลียร์ แต่ขึ้นอยู่กับการยอมรับของประชาชนด้วย" รมว.พลังงาน กล่าว
นายสมบัติ ศานติจารี ผู้ว่าการ กฟผ.กล่าวว่า กฟผ.ได้ทบทวนขั้นตอนการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าใหม่ในสภาวะฉุกเฉินใหม่จากเดิมที่จะเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำก่อน และใช้น้ำมันดีเซลเป็นขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นใช้น้ำมันดีเซลในการผลิตไฟฟ้าขั้นตอนแรกก่อน แม้ยอมรับว่าจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้าให้สูงขึ้น
ส่วนคณะทำงานตรวจสอบความเสียหายของประชาชนจากการปล่อยน้ำของเขื่อนศรีนครินทร์จะเข้ามาตรวจสอบว่า บมจ.ปตท. (PTT) จะร่วมรับผิดชอบค่าเสียหายอย่างไร แต่เบื้องต้น กฟผ.จะเป็นผู้สำรองชดเชยค่าเสียหายให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบก่อน
ด้านนายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ รองผู้ว่าการโรงไฟฟ้า กล่าวว่า การปล่อยน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์เป็นการปล่อยตามหลักเกณฑ์ปกติที่ปล่อยเพียง 40 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น ไม่ได้เป็นการระบายน้ำเพื่อความมั่นคงของเขื่อน เนื่องจากเขื่อนศรีนครินทร์สามารถรองรับปริมาณน้ำได้ถึง 17,000 ล้านลูกบาศก์เมตร และวันเกิดเหตุเขื่อนมีปริมาณน้ำ 80% หรือประมาณ 13,000 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น