ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ส.ค.) หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าเศรษฐกิจเริ่มเข้าสู่ระยะฟื้นตัว และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.สหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาด ทำให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์และหันเข้าเทรดในตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงน้ำมันและทองคำ ขณะที่สกุลเงินยูโรทะยานขึ้นหลังจากเยอรมนีและฝรั่งเศสรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด
บลูมเบิร์กรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลง 0.60% เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.4334 ยูโรต่อดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.4248 ยูโรต่อดอลลาร์ และอ่อนตัวลง 0.11% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6486 ปอนด์ต่อดอลลาร์ จากระดับ 1.6504 ปอนด์ต่อดอลลาร์
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์ดิ่งลง 0.58% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0570 ฟรังค์ต่อดอลลาร์ จากระดับ 1.0632 ฟรังค์ต่อดอลลาร์ แต่ฟื้นตัวขึ้น 0.13% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 94.310 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 94.190 เยนต่อดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.28% แตะที่ 0.8332 ดอลลาร์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8309 ดอลลาร์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.75% แตะที่ 0.6816 ดอลลาร์สหรัฐต่อดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6765 ดอลลาร์สหรัฐต่อดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักลงทุนเทขายสกุลเงินดอลลาร์เพราะมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดกล่าวในที่ประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิง ว่า เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ "ระยะฟื้นตัว" แล้ว และคาดว่าจะกลับมาขยาตัวได้อีกครั้งในไม่ช้านี้ อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้เตือนว่าอัตราการปล่อยกู้ในภาคธนาคารจะยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งจะสร้างความยากลำบากให้กับภาคธุรกิจและผู้บริโภคที่ต้องการกู้เงิน แต่นักลงทุนมองว่าโดยภาพรวมแล้ว เบอร์นันเก้มีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจมากขึ้นนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์การเงินในสหรัฐ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายดอลลาร์หลังจากสมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 7.2% แตะระดับ 5.24 ล้านยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 4 เดือน และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี หลังจากปรับตัวขึ้นที่ระดับ 4.89 ล้านยูนิตต่อปีในเดือนมิ.ย.
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์หน้า รวมถึงดัชนีอุตสาหกรรมทั่วประเทศประจำเดือนก.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนส.ค. และตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขั้นต้นประจำไตรมาส 2
ส่วนค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง หลังจากมีรายงานว่าดัชนีอุตสาหกรรมการบริการของเยอรมนีปรับตัวสูงขึ้นแตะ 54.1 จุดในเดือนนี้ จาก 48.1 จุดในเดือนที่แล้ว ส่วนดัชนีภาคการผลิตของฝรั่งเศสบวกขึ้นแตะ 50.2 จุด จาก 48.1 จุด โดยตัวเลขเกิน 50 จุดหมายถึงมีการขยายตัว ผิดกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 จุด ทั้งนี้ เงินยูโรแข็งค่าขึ้นหลังมีการเปิดเผยข้อมูลนี้
นอกจากนี้ ดัชนีภาคการผลิตและบริการของกลุ่มประเทศยุโรปปรับตัวสูงขึ้นเกินคาดในเดือนนี้ โดยดัชนีคอมโพสิตของอุตสาหกรรมทั้งสองภาคส่วนบวกขึ้นแตะ 50 จุดในเดือนนี้ จาก 47 จุดในเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นมากสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว