นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในวันนี้จะได้หารือกับผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อเตรียมประกาศกฎกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่องการพิจารณาอนุญาตโครงการหรือกิจกรรมเกี่ยวกับอุตสาหกรรมที่อาจก่อผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากร และ สุขภาพ ในต้นเดือน ก.ย.นี้
ทั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรมได้พิจารณากฎหมายตามหลักสากลที่ประเทศต่าง ๆ ได้ใช้อ้างอิง เช่น ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งได้มีการพิจารณาอย่างละเอียด รอบคอบ และผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว
โดยกำหนดว่าหากเป็นอุตสาหกรรมอันตรายอย่างรุนแรง จะต้องผ่านกระบวนการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือ EIA และศึกษาผลกระทบด้านสุขภาพ หรือ HIA แต่หากเป็นอุตสาหกรรมที่อันตรายระดับกลางจะต้องศึกษาเฉพาะ EIA เท่านั้น และโดยเฉพาะอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนสูง จำเป็นต้องผ่านการศึกษาอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อประชาชน และต้องมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยไม่เป็นอันตรายและควบคุมได้
กฎกระทรวงดังกล่าวจะมีผลครอบคลุมถึงการตั้งโรงงานใหม่และการขยายโรงงานเพื่อให้เป็นระบบทุกพื้นที่ ไม่ใช่บังคับใช้เฉพาะในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งมั่นใจว่าเมื่อกฎกระทรวงชัดเจนจะทำให้เอกชนมีความเข้าใจและเดินหน้าการลงทุนใหม่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ภายในปีนี้
สำหรับ 8 อุตสาหกรรมที่อยู่ในประกาศกฎกระทรวง ได้แก่ 1.เหมืองใต้ดิน 2.เหมืองแร่ตะกั่ว สังกะสี แมงกานีส 3.ปิโตรเคมีขั้นต้น ปิโตรเคมีขั้นกลาง 4.โรงถลุงเหล็ก 5.นิคมอุตสาหกรรมที่มีโรงงานปิโตรเคมีขั้นต้น ขั้นกลางและโรงถลุงเหล็ก 6.โรงไฟฟ้า 7.โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 8. โรงกำจัดของเสียและอุตสาหกรรม ซึ่งจะต้องมีการทำการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือ EIA และรายงานศึกษาผลกระทบด้านสุขภาพ หรือ HIA ตามมาตรา 67 ของรัฐธรรมนูญ