ศูนย์วิจัยกสิกรฯเผยสภาพคล่องเริ่มลด คาดแบงก์แข่งเงินฝาก-สินเชื่อรุนแรงขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 24, 2009 12:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า สภาพคล่องของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย 14 แห่ง ณ สิ้นเดือน ก.ค.52 วัดจากยอดเงินฝากและสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ไทย พบว่า ยอดเงินฝากลดลงมากกว่ายอดเงินให้สินเชื่อสุทธิ เดือน ก.ค.บ่งชี้ว่าภาวะสภาพคล่องของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยยังคงมีทิศทางที่ปรับลดลง ซึ่งทำให้แนวโน้มการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์จะมีเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ เงินให้สินเชื่อสุทธิ(หลังหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ)มีจำนวน 5.59 ล้านล้านบาท ลดลง 5.76 หมื่นล้านบาท จาก มิ.ย. 52 และลดลง 2.23 แสนล้านบาท จากสิ้นปี 51 และยอดเงินฝากอยู่ที่ 6.30 ล้านล้านบาท ลดลง 1.16 แสนล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า และลดลง 1.89 แสนล้านบาท จากสิ้นปี 51

สินทรัพย์สภาพคล่อง (รวมเงินสด เงินลงทุนสุทธิในตลาดเงินระยะสั้น และเงินลงทุนสุทธิในหลักทรัพย์) ณ สิ้น ก.ค. ปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้าเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยมีสินทรัพย์สภาพคล่อง จำนวน 2.07 ล้านล้านบาท ลดลง 5.57 หมื่นล้านบาท จากเดือนก่อนหน้า เป็นผลจากการลดลงของเงินลงทุนสุทธิในตลาดเงินระยะสั้น ขณะที่เงินลงทุนสุทธิในหลักทรัพย์และเงินสดเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก แต่ถ้าไม่นับรวมเงินลงทุนสุทธิในหลักทรัพย์ สินทรัพย์สภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ ก.ค. 52 มีจำนวน 8.96 แสนล้านบาท ลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับสิ้นปี 51 สินทรัพย์สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ไทย 14 แห่ง ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 52 ยังคงเพิ่มขึ้นประมาณ 8.89 หมื่นล้านบาท โดยมาจากการเพิ่มขึ้นของสภาพคล่องในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่เป็นหลัก จำนวน 1.72 แสนล้านบาท ขณะที่สภาพคล่องในกลุ่มธนาคารขนาดกลางและกลุ่มธนาคารขนาดเล็กลดลง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การลดลงของสินทรัพย์สภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ไทยเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน เป็นการยืนยันว่าสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์กำลังมีทิศทางที่ปรับลดลง และอาจยังมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องในระยะที่เหลือของปีนี้ และการลดลงของสภาพคล่องในเดือน ก.ค.เป็นผลมาจากขนาดการลดลงของเงินฝากที่มากกว่าการลดลงของเงินให้สินเชื่อสุทธิ ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะผู้ออมมีการโยกเงินออกจากบัญชีเงินฝากในธนาคารพาณิชย์ ไปลงทุนในตราสารทางการเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ทั้งพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งของรัฐบาล หุ้นกู้ของบริษัทเอกชน และกองทุนรวมต่างๆ ที่ถูกเสนอขายออกมาเป็นจำนวนมากในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

สำหรับแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปีนั้น สภาพคล่องของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยยังเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่องทั้งจากด้านเงินฝากและสินเชื่อ โดยด้านเงินฝากนั้นคาดว่าการแข่งขันกับช่องทางการออมอื่นๆ น่าจะยังคงดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะในภาวะที่ความต้องการระดมเงินทุนยังคงมีมากอย่างต่อเนื่องทั้งจากทางการและภาคเอกชน

ด้านสินเชื่อนั้น แม้ว่าเดือน ก.ค.สินเชื่อจะยังคงปรับลดลง แต่การทยอยฟื้นตัวกลับมาของเศรษฐกิจ น่าจะค่อยๆ ทำให้เกิดความต้องการสินเชื่อของภาคธุรกิจเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ ทั้งสินเชื่อเพื่อการขยายการผลิตในบางภาคอุตสาหกรรมที่เริ่มมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศทยอยกลับเข้ามา และสินเชื่อหมุนเวียน ตามแนวโน้มการปรับตัวสูงขึ้นของราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้น ธนาคารพาณิชย์คงจะต้องมีการติดตามปัจจัยต่างๆ ที่อาจมีผลต่อการบริหารจัดการสภาพคล่องในแต่ละช่วงเวลาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่า ธนาคารพาณิชย์น่าจะยังไม่เลือกแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเป็นการทั่วไปในระยะอันใกล้นี้ แต่คงจะออกมาในรูปของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำระยะยาวภายใต้โครงการเงินออมพิเศษต่างๆ เช่นเดียวกับที่ได้มีการนำเสนอมาเป็นระยะๆ ในช่วงที่ผ่านมามากกว่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ