ไชน่า แอร์ไลน์ส สายการบินรายใหญ่สุดของไต้หวัน วางแผนที่จะยุติการลงทุนในสัญญาซื้อขายเชื้อเพลิงเพื่อป้องกันการขาดทุนทั้งหมด หลังจากที่สายการบินสามารถกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง
ฟิลิป เหว่ย ประธานไชน่า แอร์ไลน์ส ชี้เมื่อราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นมาอยู่ที่ 75 ดอลลาร์หรือสูงกว่านั้น บริษัทจะยกเลิกการลงทุนดังกล่าว โดยสายการบินสามารถกลับมาทำกำไรได้ในไตรมาส 2 เนื่องจากการการลงทุนในตราสารทางการเงินเพื่อป้องกันการขาดทุนที่เพิ่มขึ้นช่วยชดเชยภาวะขาดทุนด้านการดำเนินงาน
สายการบินไชน่า แอร์ไลน์สและสิงคโปร์ แอร์ไลน์สต่างก็ลดการลงทุนลงหลังจากที่ขาดทุนถึง 638 ล้านดอลลาร์จากการเก็งกำไรราคาเชื้อเพลิงผิดพลาดเมื่อปีที่แล้ว โดยราคาน้ำมันที่ร่วงลง 69% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้วนั้น ได้ปรับตัวขึ้นกว่า 2 เท่าจากระดับธ.ค.มาอยู่ที่ระดับประมาณ 74 ดอลลาร์
บลูมเบิร์กรายงานว่า เจา โปชวน นักวิเคาะห์ของแคปิตอล ซิเคียวริตีส์ คอร์ป กล่าวว่า ความผันผวนและความไม่แน่นอนของรคาน้ำมันทำให้การรับประกันเรื่องผลประโยชน์ที่สูงขึ้นจากการเก็งกำไรนั้นมีความเสี่ยงเกินไป สัญญาส่วนใหญ่ของไชน่า แอร์ไลน์ส อยู่ที่ประมาณ 75 ดอลลาร์ และจะหมดอายุในช่วงเดือนเม.ย.และส.ค.ปีหน้า ยกเว้นเสียแต่ว่าบริษัทจะยกเลิกสัญญาในเร็วๆนี้ โดยสายการบินอาจจะยังไม่พาบริษัทเข้ามายืนอยู่สถานภาพใหม่
นักวิเคราะห์กล่าวต่อไปว่า สายการบินมีแนวโน้มว่าจะได้กำไรจากการเฮดจิ้ง 4.2 พันล้านดอลล์ไต้หวันในไตรมาสที่ 2 และสายการบินอาจจะทำกไรไตรมาส 2 ได้ 840 ล้านดอลลาร์ก็เป็นได้
ทั้งนี้ สายการบินยังวางแผนที่จะปล่อยเช่าเครื่องบินแอร์บัส เอสเอเอส A330s ในปีหน้า เพื่อให้บริการเที่ยวบิยในจีนหลังจากที่ได้มีการเปิดเสรีมากขึ้นกว่าเดิมระหว่างจีนและไต้หวัน