นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่มี นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐปรับปรุงการจัดทำแผนการเร่งรัดเบิกจ่าย ปีงบประมาณ 53 เป็นรายเดือน ประมาณกระแสเงินสดที่ต้องใช้จ่ายอย่างมีหลักการ ชัดเจนใกล้เคียงความจริง จัดอบรม ให้ความรู้หัวหน้าฝ่ายการเงิน ผู้อำนวยการสำนักการคลัง และผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การใช้งบประมาณปี 53 เป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพมากกว่าปีงบประมาณ 52 ที่แผนการเบิกจ่ายไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง
และจากการหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ พบว่า มีงบประมาณที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายค้างมาตั้งแต่ปี 45-51 จำนวน 97,500 ล้านบาท เป็นงบประมาณที่มีหนี้ผูกพัน จำนวน 62,600 ล้านบาท และยังไม่ได้ก่อหนี้ผูกพัน 34,900 ล้านบาท จึงได้วางแนวทางการกันเงินงบเหลื่อมปีและขยายเวลาเบิกจ่ายเงินจำนวน เพื่อเร่งให้มีการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้ก่อหนี้ผูกพันไว้แล้ว ส่วนงบประมาณที่ยังไม่ได้ก่อหนี้ผูกพัน ให้ดำเนินการโดย
กรณีที่ทำสัญญาแล้วมีมูลค่าต่ำกว่า 50,000 บาท ให้เบิกจ่ายให้เสร็จใน ก.ย.52 ไม่อนุญาตให้กันเงินเพื่อเบิกจ่ายในปีงบประมาณ 53 กรณีที่ยังไม่ทำสัญญา มีมูลค่าต่ำกว่า 2 ล้านบาท ให้เร่งดำเนินการทำสัญญา ภายใน ก.ย. 52 หากไม่ทันจะไม่อนุญาตให้กันเงินไว้เบิกจ่ายในปี 53
สำหรับงบประมาณปี 52 จะอนุญาตให้กันไว้เบิกเหลื่อมปีถึงสิ้นเดือน มี.ค.53 เฉพาะที่ทำสัญญาแล้ววงเงินตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป และกรณีไม่ได้ทำสัญญาวงเงินตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนงบประมาณตั้งแต่ปี 45-51 กรณีทำสัญญาแล้วและมีเงินงบประมาณสูงกว่าที่ จะอนุญาตให้ขยายเวลาไว้เบิกเหลื่อมปีหลัง เดือน มี.ค.53 และปี 50-51 กรณียังไม่ทำสัญญาแต่มีวงเงินงบประมาณตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป ผ่อนผันให้ดำเนินการทำสัญญาถึงสิ้นเดือน มี.ค.53 มีนาคม 2553 และอนุมัติให้กันเงินและขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณสมทบโครงการเงินกู้จากต่างประเทศ ปี 51-52 ทั้งกรณีทำสัญญาแล้วและยังไม่ได้ทำสัญญา
ทั้งนี้ ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณปี 52 ตั้งแต่ ต.ค.51-21 ส.ค.52 มีส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายไปแล้ว 1.497 ล้านล้านบาท คิดเป็น 81.62% ของวงเงินงบประมาณ 1.834 ล้านล้านบาท ยังต่ำกว่าเป้าหมาย 2.38%