เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งทำให้เฟดมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการพยุงเศรษฐกิจจากภาวะถดถอยรุนแรง จะได้รับการเสนอชื่อจากคณะทำงานของบารัค โอบามา ให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่ 2 โดยเบอร์นันเก้จหมดวาระการดำรงตำแหน่งประธานเฟดสมัยแรกในวันที่ 31 ม.ค.ปีหน้า
เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของคณะทำงานโอบามากล่าวว่า โอบมาจะประกาสรายชื่อผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นประธานเฟด โดยคาดว่าเบอร์นันเก้จะได้รับการเสนอชื่อด้วย และจากนั้นทางคณะทำงานจะยื่นต่อให้วุฒิสภาอนุมัตต่อไป
เบอร์นันเก้ วัย 55 ปี ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ลงสู่ระดับ 0-0.25% และได้อีดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการธนาคารเป็นวงเงินสูงถึง 1 ล้าล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ เบอร์นันเก้ยังเป็นแกนนำในการช่วยเหลือวาณิชธนกิจแบร์ สเติร์นส และบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป
เฟดเดริค มิชกิน อดีตผู้ว่าการเฟดซึ่งปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย กล่าวว่า "เบอร์นันเก้มีผลงานโดดเด่น โดยเฉพาะการพยุงเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะถดถอยรุนแรง นอกจากนี้ เบอร์นันเก้พยายามทำทุกทางที่จะควบคุมตัวเลขเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับเป้าหมายของเฟด"
เบอร์นันเก้ กล่าวในที่ประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ "ระยะฟื้นตัว" แล้ว และคาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในไม่ช้านี้ หลังจากเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงและถูกกระทบหนักสุดจากวิกฤตการณ์การเงิน อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้ได้แสดงความกังวลว่าอัตราการปล่อยกู้ในภาคธนาคารอาจจะยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งจะสร้างความยากลำบากให้กับภาคธุรกิจและผู้บริโภคที่ต้องการกู้เงิน
ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวว่า เบอร์นันเก้ปฏิบัติหน้าที่ประธานเฟดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ไม่ได้ให้คำมั่นสัญญาว่ารัฐบาลจะต้องแต่งตั้งเขาให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดเป็นสมัยที่สอง ขณะที่นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่ประธานาธิบดีโอบามาจะเสนอชื่อนายลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส ที่ปรึกษาเศรษฐกิจแห่งทำเนียบขาว ให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่อจากเบอร์นันเก้ บลูมเบิร์กรายงาน