สกุลเงินเอเชียอ่อนค่าลงโดยการนำของเงินวอนเกาหลีใต้และเงินรูเปียะห์อินโดนีเซีย หลังตลาดหุ้นทั่วภูมิภาคปรับตัวลดลงและหลังจากที่หลายฝ่ายวิตกว่าสถาบันการเงินในสหรัฐอาจมีหนี้เสียเพิ่มขึ้น
ดัชนีดอลลาร์เอเชียของบลูมเบิร์ก-เจพีมอร์แกน ซึ่งติดตามการเคลื่อนไหวของ 10 สกุลเงินหลักในเอเชียยกเว้นเงินเยน ร่วงลงมากสุดในรอบกว่าสัปดาห์ หลังจากที่บริษัท ซัน ทรัสท์ แบงค์ อิงค์ กล่าวว่าสถาบันการเงินในสหรัฐอาจมีหนี้เสียเพิ่มขึ้นหลังยอดขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ร่วง ด้านเงินดอลลาร์ไต้หวันก็อ่อนค่าหลังจากที่แข็งค่าติดต่อกัน 3 วัน จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางอาจเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อมิให้สกุลเงินแข็งค่ามากเกินไปซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออก
"ตลาดหุ้นและสกุลเงินเอเชียอาจต้องการปัจจัยใหม่ๆ จึงจะปรับตัวสูงขึ้น" ฌอน คัลโลว นักยุทธศาสตร์การเงินจากบริษัท เวสท์แพ็ค แบงค์กิง คอร์ป ในซิดนีย์ กล่าว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เงินวอนอ่อนค่า 0.6% แตะ 1,247.65 วอนต่อดอลลาร์ ณ เวลา 12.32 น.ตามเวลากรุงโซล หลังจากที่แข็งค่า 0.8% เมื่อวานนี้ ด้านเงินรูเปียะห์อ่อนค่า 0.3% แตะ 10,035 รูเปียะห์ต่อดลอลลาร์ ส่วนเงินริงกิตมาเลเซียอ่อนค่า 0.2% แตะ 3.517 ริงกิตต่อดอลลาร์ และเงินรูปีอินเดียอ่อนค่า 0.5% แตะ 48.84 รูปีต่อดอลลาร์
ดัชนี MSCI Asia Pacific ปรับตัวลดลง 0.5% หลังจากที่ทะยานกว่า 2.5% ปิดเกือบแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนเมื่อวานนี้ ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตร่วง 3.4% หลังจากที่ปิดในแดนบวก 3 วันติดต่อกัน
ดัชนี Standard & Poor’s 500 ขยับลง 0.1% ในขณะที่บริษัท ซัน ทรัสท์ กล่าวว่า สถาบันการเงินในสหรัฐอาจมีหนี้เสียเพิ่มขึ้นเป็น 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินเมื่อกลางปี 2550