บรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (FDIC) วางแผนที่จะเปิดทางให้บริษัทกลุ่มไพรเวท อิควิตี้ เข้าซื้อธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐได้สะดวกขึ้น หลังจากจำนวนธนาคารล้มละลายที่เพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดในรอบ 17 ปี ทำให้ต้นทุนการรับประกันเงินฝากของ FDIC พุ่งขึ้นเป็น 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์
คณะกรรมการบริหารของ FDIC จะประชุมร่วมกันในวันพรุ่งนี้ โดยคาดว่า FDIC จะลดข้อกำหนดต่างๆเพื่อเปิดทางให้บริษัทกลุ่มไพรเวท อคิวตี้เข้าซื้อหุ้นธนาคารที่ประสบปัญหาด้านการเงิน หลังจากข้อเสนอดังกล่าวถูกคัดค้านในวงกว้างจากอุตสาหกรรมธนาคารสหรัฐ
มาร์ค เทนฮุนด์เฟลด์ รองประธานสมาคมนายธนาคารแห่งสหรัฐกล่าวว่า "บริษัทกลุ่มไพรเวท อิควิตี้จำนวมากต้องการเข้าซื้อหุ้นธนาคารและพากันรอคอยว่า FDIC จะผ่อนปรนกฎข้อบังคับเมื่อใด ผมเชื่อว่าทันทีที่ FDIC ตัดสินใจปรับกฎข้อบังคับ กลุ่มไพรเวท อิคิวตี้จะกรูกันเข้าซื้อหุ้นธนาคารจำนวนมาก"
ทางการสหรัฐได้ดำเนินการยึดกิจการธนาคารพาณิชย์อีก 5 แห่งในประเทศ ซึ่งธนาคารเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยและอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ส่งผลให้จำนวนธนาคารที่ถูกยึดในสหรัฐปีนี้พุ่งขึ้นเป็น 69 ราย และคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้อัตราว่างงานในสหรัฐพุ่งขึ้นอีก
FDIC ระบุว่า ธนาคาร 5 แห่งที่ถูกยึดครั้งสุดได้แก่ มิวชวล แบงค์ ออฟ ฮาร์วีย์ ในรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งสินทรัพย์ 1.6 พันล้านดอลลาร์, พีเพิลส์ คอมมูนิตี้ส์ แบงค์ ในรัฐโอไฮโอ มีทรัพย์สิน 05. ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ยังมีธนาคาร เฟิร์สท์ แบงค์อเมริกาโน ในรัฐนิว เจอร์ซี, อินทริกิตี้ แบงค์ ในรัฐฟลอริด้า และเฟิร์สท์ สเตท แบงค์ ในรัฐโอกลาโฮมา
บลูมเบิร์กรายงานว่า จำนวนธนาคารที่ประสบปัญหาการเงินที่ระบุในบัญชีรายชื่อเฝ้าระวังของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลได้เรียกร้องธนาคารต่างๆ หรือแม้แต่ธนาคารที่แข็งแกร่งที่สุด ให้พิจารณาระงับหรือลดการจ่ายเงินปันผลเพื่อรักษาฐานเงินทุน โดยนางเชลา แบร์ ประธาน FDIC กล่าวว่า นับเป็นเรื่องไม่สมควรที่ธนาคาร ที่ไม่สามารถทำกำไรบางแห่งได้จ่ายเงินปันผลในปี 2008 และได้เรียกร้องธนาคารต่างๆให้รักษาฐานะเงินทุนเอาไว้