ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจโอบามาแนะกำกับกองทุนรวมตลาดเงินเหมือนแบงค์

พอล วอล์กเกอร์ ที่ปรึกษา ด้านเศรษฐกิจระดับสูงของรัฐบาลประธานาธิบดี บารัค โอบามา และเป็นอดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ด้วยนั้น กล่าวว่า กองทุนรวมตลาดเงินเป็นตัวบ่อนทำลายระบบการเงินสหรัฐ และควรจะถูกกำกับดูแลเช่นเดียวกับแบงค์มากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาแบงค์ยังคงเป็นศูนย์กลางในการทำงานของระบบการเงิน และได้รับการดูแลและคุ้มครอง รวมถึงอยู่ภายใต้การกำกับดูแล เมื่อพิจารณาจากคู่แข่งที่มีกฎระเบียบแตกต่างกันแล้ว ผู้ที่ให้บริการในลักษณะที่เป็นอิสระดูเหมือนว่าจะเป็นตัวบ่อนทำลายระบบการเงิน

กองทุนรวมซึ่งก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อพ.ศ.2514 มีเครือข่ายเงินสดนอกธุรกิจแบงค์มูลค่าถึง 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ที่ทำหน้าที่ในการให้เงินทุนระยะสั้นแก่บริษัทและสถาบันการเงินเป็นจำนวนมากด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั่วไป โดยได้มีการพูดถึงบทบาทที่สำคัญของกองทุนรวมในระบบเศรษฐกิจเมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้ว เพราะการล้มละลายของกองทุน Reserve Primary Fund ซึ่งเป็นกองทุนในตลาดเงินที่ใหญ่ที่สุดและก่อตั้งมานานที่สุดแห่งหนึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดตราสารหนี้และขู่ที่จะยกเลิกการให้บริการแก่ลูกค้าจำนวนมาก

แอนโทนี เจ คาร์ฟัง พาร์ทเนอร์ของบริษัทที่ปรึกษาด้านการเงิน Treasury Strategies Inc. กล่าวว่า กองทุนดังกล่าวเป็นแหล่งปล่อยเงินสดจำนวนมหาศาลสำหรับลูกค้าคุณภาพดี และยังมีประสิทธิภาพสูง รวมทั้งความโปร่ง ซึ่งช่วยลดต้นทุนของเงินทุน

ทั้งนี้ กองทุนรวมตลาดเงินยังเป็นผู้ซื้อตราสารหนี้รายใหญ่สุด ซึ่งตราสารหนี้ดังกล่าวจะครบกำหนดไถ่ถอนภายในเวลา 9 เดือน นับเป็นแหล่งไฟแนนซ์ระยะสั้นที่สำคัญสำหรับธุรกิจต่างๆ นอกจากนี้ กองทุนยังถือตราสารหนี้เชิงพาณิชย์ถึง 5.78 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 41% ตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.เป็นต้นมา

วอล์กเกอร์กล่าวว่า กองทุนรวมตลาดเงินสามารถจัดหาไฟแนนซ์ได้ในราคาที่ถูกกว่าเนื่องจากกองทุนดังกล่าวไม่ได้ถูกผูกมัดด้วยกฎระเบียบ เช่น การรับประกันเงินฝาก และสำรองเงินกู้ที่ทำให้ต้นทุนของแบงค์เพิ่มขึ้น กองทุนซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์สหรัฐควรจะอยู่ภายใต้กฎระเบียบเช่นเดียวกับแบงค์ บลูมเบิร์กรายงาน