ราคาบ้านของสหรัฐประจำไตรมาสสองปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ซึ่งบ่งชี้ถึงความเคลื่อนไหวในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ฟื้นตัวดีขึ้น
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีราคาบ้านของ S&P/Case-Shiller ปรับตัวสูงขึ้น 1.4% จากไตรมาสแรก ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.ที่ขยายตัว 7.2% ทำสถิติเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์คาดว่ายอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐในเดือนก.ค.ที่กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยในคืนนี้ก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ราคาบ้านที่ปรับตัวสูงขึ้นจะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ขณะนี้ผู้บริโภคเลือกที่จะออมเงินและลดการใช้จ่ายในยามที่สหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2
โจเอล นารอฟฟ์ นักวิเคราะห์จากนารอฟฟ์ อีโคโนมิก แอดไวเซอร์สกล่าวว่า "ราคาบ้านที่ดีดตัวขึ้นได้ช่วยบรรเทาสถานการณ์ที่เลวร้ายและอาจช่วยให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยได้ดีขึ้น ขณะเดียวกัน สถานการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ดีขึ้นประกอบกับการใช้จ่ายผู้บริโภคที่มากขึ้นอาจกระตุ้นความเชื่อมั่นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจตามมา"
ทั้งนี้ การเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐได้ช่วยหนุนให้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้นราว 30 จุด หรือ 0.32%
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์หลายสำนักคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2-3% ในไตรมาสปัจจุบัน เพราะได้รับอานิสงส์จากตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีเสถียรภาพมากขึ้นและโครงการนำรถเก่าแลกซื้อรถใหม่ของรัฐบาล ซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายรถให้ดีขึ้น