รีเบคกา แพทเทอร์สัน หัวหน้าฝ่ายปริวรรตเงินตราจากเจพีมอร์แกน ไพรเวทแบงค์ ในนิวยอร์ คาดการณ์ว่า ค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอย และนักลงทุนต้องการลงทุนในสกุลเงินที่ปรับตัวไปในทางเดียวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
"นักลงทุนในสหรัฐและทั่วโลกเดินหน้าเข้าเทรดในตลาดปริวรรตเงินตรา เมื่อเศรษฐกิจโลกเริ่มดีขึ้น นักลงทุนก็ต้องการเข้าซื้อสกุลเงินที่ปรับตัวสอดคล้องกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ พวกเขาต้องการอัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าพันธบัตร ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้กำลังสร้างแรงกดดันให้กับสกุลเงินดอลลาร์" แพทเทอร์สันกล่าว
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดอลลาร์สหรัฐร่วงอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เมื่อเทียกับ 13 สกุลเงินหลักๆของโลก โดยหลายสกุลเงินมีความเกี่ยวข้องกับทิศทางของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อาทิ เงินเรียลของบราซิล เงินแรนด์ของแอฟริกาใต้ ดอลลาร์สหรัฐ และดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งสกุลเงินเหล่านี้ทะยานขึ้นแข็งแกร่งสุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ดัชนี Dollar Index ซึ่งอินเตอร์คอนติเนนตัล เอ็กซ์เชงจ์ อิงค์ ใช้เป็นดัชนีชี้วัดสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลักๆของประเทศคู่ค้าของสหรัฐ รวมถึง ยูโรและเยน ดิ่งลงไปแล้ว 3% ในปีนี้
ขณะที่ค่าเงินยูโรทะยานขึ้นไปแล้ว 2.3% ในปีนี้ ขานรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) เยอรมนีที่ขยายตัวขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย 0.3% ในไตรมาส 2 ขณะที่จีดีพีฝรั่งเศสขยาตัวขึ้น 0.3% ซึ่งเหนือความคาดหมายเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ แปซิฟิก อินเวสท์เมนท์ เมเนจเมนท์ (พิมโค) ซึ่งเป็นกองทุนพันธบัตรรายใหญ่ที่สุดของโลก คาดการณ์ว่า เงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนตัวลงอีก และอาจจะสูญเสียสถานะการเป็นสกุลเงินหลักในระบบเงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของโลก
"ดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศคู่ค้าในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนลดการถือครองสกุลเงินดอลลาร์ หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ดอลลาร์สหรัฐอาจสูญเสียสถานะการเป็นสกุลเงินหลักในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของโลก แม้ยังไม่มีการกำหนดสกุลเงินอื่นๆเป็นทางเลือกใหม่แทนที่ดอลลาร์สหรัฐก็ตาม" เคอร์ติส เอ มิวบอร์น ผู้จัดการพอร์ทของพิมโคกล่าวผ่านเว็บไซท์ของบริษัท