นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐจะพุ่งขึ้น 3% และยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนก.ค.จะเพิ่มขึ้น 1.6% แตะที่ 390,000 ยูนิตต่อปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยรุนแรง
เจนนิเฟอร์ ลี นักวิเคราะห์จาก BMO Capital Markets ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและยอดขายบ้านใหม่ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดสินเชื่อ และคณะทำงานของบารัค โอบามา ที่ประกาศใช้นโยบายรถเก่าแลกรถใหม่ รวมทั้งการใช้นโยบายลดหย่อนภาษีให้กับผู้ซื้อบ้านหลังแรก ซึ่งนโยบายเหล่านี้ช่วยกระตุ้นดีมานด์ภายในประเทศได้ดี
"อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทก่อสร้างและโรงงานอุตสาหกรรมในสหรัฐลดพนักงานรวมกันถึง 3.3 ล้านคนในช่วงที่เศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะถดถอย อาจจะกีดขวางการขยายตัวของเศรษฐกิจในอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้" ลีกล่าว
บลูมเบิร์กรายงานว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ค.และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค.ในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย
ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย.ร่วงลง 2.5% ซึ่งรุนแรงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.6% และเป็นสถิติที่ดิ่งลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. เนื่องจากยอดสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์ร่วงลง 38.5% อันเป็นผลพวงจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกถดถอยซึ่งทำให้อัตราการเดินทางโดยเครื่องบินลดลง และทำให้สายการบินหลายแห่งยกเลิกคำสั่งซื้อเครื่องบิน
ขณะที่ยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐในเดือนมิ.ย.พุ่งสูงสุดในรอบ 8 ปีที่ 11% ซึ่งถือเป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่ตอกย้ำให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เคยเลวร้ายถึงขีดสุดนับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่นั้นเริ่มกลับมามีเสถียรภาพแล้ว