ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)วันนี้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25% ต่อปี โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ยังคงอยู่ในระดับที่เหมาะสมที่จะสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยไม่สร้างแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อ
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กนง.พิจารณาภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมถึงแนวโน้มในระยะต่อไป เพื่อกำหนดแนวนโยบายการเงินที่เหมาะสม ซึ่งข้อมูลล่าสุดชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินระหว่างประเทศ ปรับตัวดีขึ้นจากการประชุม กนง.ครั้งก่อน
การขยายตัวทางเศรษฐกิจไตรมาส 2/52 ของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมหลัก (G3) และประเทศในเอเซีย ส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน แต่ กนง.มีความเห็นว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก
ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/52 เริ่มมีทิศทางดีขึ้น การหดตัวน้อยลงเมื่อเทียบระยะเดียวกันของปีก่อน และขยายตัวเป็นบวกเมื่อเทียบไตรมาส 1/52 ขณะที่เครื่องชี้เศรษฐกิจล่าสุด เช่น การผลิตในภาคอุตสาหกรรม การส่งออก การจ้างงาน และการใช้จ่ายภาคเอกชนได้ปรับตัวดีขึ้น
ขณะที่ นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช กรรมการ กนง.กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุด และสัญญาณทุกอย่างเริ่มดีขึ้นในไตรมาส 3/52 โดยเฉพาะยอดการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเอกชนเริ่มรับคนเข้ามาทำงาน ระดับการผลิตเร่งตัวขึ้น แต่คงยังไม่กลับมาเหมือนก่อนวิกฤติ การส่งออกก็ยังดีเริ่มฟื้นตัว เพราะสหรัฐฯ เริ่มมีการจ้างงานมากขึ้น ราคาบ้านที่เคยตกลงก็เร่งตัวขึ้น สถาบันการเงินทีไม่ปล่อยกู้ก็เริ่มปล่อยกู้แล้ว
ดังนั้น จึงคาดว่าปีนี้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี))ของไทยจะติดลบราว 3% จากนั้นจะขยายตัวได้ถึง 4-5% ในปี 53
กนง.มองว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวเป็นรูปตัว V ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐจะมีลักษณะเป็นตัว L โดยรายได้ประชาชาติของไทยในช่วงไตรมาส 4/53 จะฟื้นตัวกลับมาเท่ากับไตรมาส 1/51 เนื่องจากโครงการลงทุนมาบตาพุด 2 แสนล้านบาท และ งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการไทยเข้มแข็งจะเริ่มออกมาสู่ระบบในไตรมาส 3/53ขณะที่เงินกู้ 8 แสนล้านบาทจะเริ่มเข้าสู่ระบบตั้งแต่ไตรมาส 4/52 และจะเป็นผลดีต่อปี 53
"สมมติฐานจีดีพีปีนี้ -3% ปีหน้าบวก 4.5 ถึง 5% ดังนั้นในไตรมาส 4/52 เทียบไตรมาส 3/52 น่าจะบวก แต่ y-o-y ยังลบ เพียงแต่จะมากหรือน้อยเท่านั้น เพราะปีก่อนเราลบมาก ดังนั้นปีนี้หวังพึ่งการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งเศรษฐกิจไทยน่าจะฟื้นเป็นตัว V" นายจักรมณฑ์ กล่าว
นายไพบูลย์ กล่าวเสริมว่า อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม กนง.ยังจับตาดูในเรื่องของราคาน้ำมัน ที่แม้ว่าขณะนี้ยังไม่เป็นข้อจำกัดในการขยายตัวของเศรษฐกิจ แต่อาจเป็นแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อในอนาคตได้ นอกจากนั้น ความเสี่ยงของเศรษฐกิจในประเทศ คือ การพึ่งพาการส่งออกที่จะต้องรับความเสี่ยงในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ธปท.ยังคาดหวังแรงกระตุ้นจากภาคการคลังในเรื่องการเบิกจ่ายจะสนับสนุนเศรษฐกิจต่อไป ถ้าไม่มีอะไรมาสะดุดไม่ว่าเรื่องนอกเหนือการควบคุม หรือ ประเด็นที่ควบคุมได้ก็ตาม ส่วนปัญหาทางการเมือง กนง.ไม่ได้นำมาเป็นประเด็นในการพิจารณา เพราะถือเป็นเพียงข้อมูลด้านหนึ่งเท่านั้น
นายไพบูลย์ กล่าวถึงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ที่แนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นนั้น ธปท.ก็จับตาว่าเกิดจากปัจจัยอะไร ถ้าเป็นเรื่องการแข่งขันการระดมเงินฝากก็เป็นอีกเรื่อง แต่ถ้าสภาพคล่องหดหายไป ธปท.ก็พร้อมจะอัดเงินเข้าระบบเพื่อไม่ทำให้อัตราดอกเบี้ยมีผลกระทบเศรษฐกิจ