ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (เอดีบี) ออกโรงเรียกร้องให้รัฐบาลของประเทศในเอเชียให้การสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างแรงงานส่วนใหญ่ในเอเชีย และให้ความสำคัญกับอุปสงค์ในประเทศมากขึ้น
"ในสภาพเศรษฐกิจโลกที่ซบเซาเช่นนี้ ประเทศในเอเชียคงไม่สามารถพึ่งพิงการส่งออกได้มากเหมือนแต่ก่อน" จอง วา ลี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากเอดีบี กล่าวในการแถลงข่าว ดังนั้นการกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศจึงเป็นสิ่งจำเป็น และจะทำได้โดยการสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งว่าจ้างแรงงานถึง 50-90% ในภาคการผลิต
"ธุรกิจเอสเอ็มอียังสามารถเติบโตได้ และจะมีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้นหากได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสมจากรัฐบาล" นายลี กล่าว
โดยรัฐบาลควรให้การสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและเทคโนโลยี และการปรับข้อกำหนดต่างๆ ให้เหมาะสมกับสภาพการทำธุรกิจ
ปัจจุบันมีหลายประเทศในเอเชียที่ใช้มาตรการต่างๆ อย่างการปกป้องตลาดเงินและการกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ เพื่อให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจไปให้ได้ อย่างไรก็ตาม นายลีกล่าวว่า "มาตรการดังกล่าวเป็นเพียงมาตรการระยะสั้นเท่านั้น เราจำเป็นต้องใช้มาตรการระยะยาว"
ทั้งนี้ เอดีบีเปิดเผยว่า ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกน้อยกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ เนื่องจากธุรกิจเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่ลูกค้าในประเทศมากกว่า อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเอสเอ็มอีก็เริ่มรู้สึกถึงผลกระทบจากวิกฤตสินเชื่อและอุปสงค์ที่ลดลงบ้างแล้ว สำนักข่าวเกียวโดรายงาน