ตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐที่ซบเซาอย่างหนักอาจกำลังฟื้นตัว หลังราคาบ้านเดือนมิถุนายนปรับตัวสูงขึ้นใน 18 เมือง จากทั้งหมด 20 เมือง ส่วนยอดขายบ้านมือสองก็พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี และยอดขายบ้านใหม่ก็ปรับตัวสูงขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
"เราเริ่มสัมผัสถึงบรรยากาศของการเปลี่ยนแปลงแล้ว" ศจ.โรเบิร์ท ชิลเลอร์ จากมหาวิทยาลัยเยล ผู้ร่วมคิดค้นดัชนีราคาบ้านขึ้นเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว และปัจจุบันถูกนำไปใช้โดยสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ กล่าว "หลังซบเซามาตลอด 3 ปี ในที่สุดตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็มีแววว่าจะฟื้นตัวแล้ว"
ราคาบ้านที่ถูกลงและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทำให้จำนวนบ้านมือสองค้างสต็อกลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี ส่วนบ้านมือหนึ่งค้างสต็อกก็ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี ซึ่งยอดขายบ้านที่สูงขึ้นจะช่วยกระตุ้นให้การใช้จ่ายผู้บริโภคสูงขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากผู้ซื้อบ้านใหม่มักซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและเฟอร์นิเจอร์ใหม่ด้วย
ดัชนีราคาบ้านเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ ปรับตัวสูงขึ้นใน 18 เมือง จาก 20 เมืองในเดือนมิถุนายน โดยเมืองดีทรอยท์และลาสเวกัสเป็นเพียง 2 เมืองที่ดัชนีดังกล่าวปรับตัวลดลง ในขณะที่ดัชนีของสำนักงานการเงินเคหะการแห่งสหรัฐอเมริกาบวก 0.5% ในเดือนมิถุนายน โดยปรับตัวสูงขึ้นใน 5 จาก 9 ภูมิภาคในสหรัฐ
"หลักฐานต่างๆบ่งชี้ว่าจุดเลวร้ายสุดของวิกฤตเศรษฐกิจได้ผ่านพ้นไปแล้ว" เดนนิส ล็อคฮาร์ท ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐสาขาแอตแลนต้า กล่าวเมื่อวานนี้ "เศรษฐกิจกำลังเริ่มฟื้นตัวแล้ว" บลูมเบิร์กรายงาน