นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) อนุมัติให้ บมจ.ปตท.(PTT) ทำคลังลอยน้ำเก็บสำรองก๊าซหุงต้ม(LPG) ไว้บนเรือ(floating storage) เพื่อรองรับความต้องการใช้ที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ย.52-เม.ย.53 โดยคาดว่าต้องนำเข้าเพิ่มอีกเดือนละ 8-9 หมื่นตัน ขณะที่คลังเก็บก๊าซแอลพีจีที่เขาบ่อยา สามารถรองรับปริมาณก๊าซได้เพียง 6 หมื่นตัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการแก้ไขกฎระเบียบร่วมกับกระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลัง เพื่อให้ ปตท.สามารถดำเนินการได้ทันที
ที่ประชุมฯ ยังได้เห็นชอบให้ยกเลิกอัตราแลกเปลี่ยนคงที่จากการนำเข้าก๊าซแอลพีจีจากเดิมที่กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนไว้ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐเท่ากับ 33.0453 บาท เปลี่ยนเป็นการคิดคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยทั้งเดือนย้อนหลังของเดือนก่อนหน้า เพื่อลดภาระความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนจากการนำเข้าแอลพีจีให้กับ ปตท. ส่วนการตรึงราคาแอลพีจีหน้าโรงกลั่นยังคงตรึงไว้ที่ระดับเดิมที่ 332 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ขณะที่ราคาขายปลีกหน้าปั๊มอยู่ที่ 18.13 บาทต่อกิโลกรัมตามเดิม
นอกจากนี้ที่ประชุมฯ ยังอนุมัติจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างราคาแอลพีจีให้กับโรงกลั่นน้ำมันกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนต่างที่เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลขอร้องให้โรงกลั่นน้ำมันเปลี่ยนการใช้เชื้อเพลิงจากแอลพีจีไปใช้เชื้อเพลิงอื่นแทน ทำให้ต้นทุนโรงกลั่นสูงขึ้น โดยให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงรับผิดชอบจ่ายค่าชดเชย
และยังเห็นชอบแนวทางการส่งเสริมการแปรรูปจากขยะพลาสติกเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง โดยกำหนดหลักเกณฑ์การคำนวณอัตราการชดเชยให้แก่โรงกลั่นน้ำมันที่รับซื้อน้ำมันที่ผลิตได้จากการแปรรูปขยะไม่เกิน 18 บาทต่อลิตร
ด้านนายณอคุณ สิทธิพงษ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ยังไม่ได้มีการหารือเรื่องการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์เอ็นจีวีสำหรับรถแท็กซี่แอลพีจี 30,000 คัน และการชดเชยราคาเอ็นจีวีให้กับ ปตท.ในอัตรา 2 บาทต่อกิโลกรัม โดยจะขอพิจารณารายละเอียดอีกครั้งภายหลัง โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1 สัปดาห์ ก่อนที่จะเสนอต่อที่ประชุม กบง.ครั้งต่อไป