ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) หลังจากสหรัฐรายงานว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 หดตัวน้อยกว่าคาด และตัวเลขว่างงานประจำสัปดาห์ปรับตัวลง นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันศุกร์ รวมถึงตัวเลขรายได้ส่วนบุคคลประจำเดือนก.ค.
บลูมเบิร์กรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.77% เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรที่ระดับ 1.4357 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.4248 ยูโร/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.22% เมื่อเทียบกับค่าเงินปอนด์ที่ระดับ 1.6275 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6239 ปอนด์/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์ร่วงลง 0.82% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 93.470 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 94.240 เยน/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.91% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0576 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0673 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.55% แตะที่ 0.8398 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8270 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งค่าขึ้น 1.07% ที่ระดับ 0.6882 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6809 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 หดตัว 1% ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะหดตัว 1.5% และกระทรวงแรงงานสหรัฐเผยยอดชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 22 ส.ค.ลดลงสู่ระดับ 570,000 ราย
ค่าเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้นหลังจากบริษัทวิจัย Gfk AG ระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมันประจำเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นแตะ 3.7 จุด จากระดับ 3.4 ในเดือนสิงหาคม ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2551 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าดัชนีน่าจะบวกขึ้นแตะ 3.6 จุด
ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นหลังจากเนชั่นไวด์ บิลดิ้ง โซไซตี้ เปิดเผยว่า ราคาบ้านโดยเฉลี่ยในอังกฤษเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 1.6% แตะระดับ 160,224 ปอนด์ หรือ 260,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.5%