ค่ายรถญี่ปุ่นนำโดยโตโยต้า มอเตอร์ บริษัทผู้ทำธุรกิจกลั่นน้ำมัน และสาธารณูปโภคมองว่า เป้าหมายการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ลง 25% ภายในปี 2563 ที่พรรคประชาธิปไตยแห่งญี่ปุ่น (DPJ) ซึ่งคว้าชัยในการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา อาจจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมทั้ง 3 ประเภท
นายซาโตชิ อาโอกิ ประธานสมาคมผู้ผลิตยานยนต์ญี่ปุ่น ได้ออกแถลงการณ์ระบุถึงแผนการดังกล่าวว่า เรากังวลเรื่องความยืดหยุ่นของแผนการดังกล่าวบนพื้นฐานของผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และภาระที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน
นักวิเคราะห์ของโกลด์แมนแซคส์ กล่าวว่า เป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจำของนายยูคิโอะ ฮาโตยามะ วัย 62 ปี หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยแห่งญี่ปุ่น หรือ ดีพีเจ สูงกว่าตัวเลขเป้าหมายของพรรคเสรีประชาธิปไตยหรือแอลดีพีถึง 2 เท่า และอาจจะมีการกำหนดให้จัดเก็บภาษีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์กับผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ๆ อาทิ โรงงานพลังงานและโรงกลั่น ส่วนผู้ผลิตระบบสาธารณูปโภคอาจจะต้องเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทนและลดการใช้ถ่านหินและน้ำมันลง ส่วนโรงกลั่นที่เผชิญกับสถานการณ์ด้านดีมานด์ต่ำลงอยู่แล้ว อาจจะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมากขึ้น
บลูมเบิร์กรายงานว่า ยูกิ ซากุราอิ ซีอีโอของฟูโกกุ แคปิตอล เมเนจเมนท์ กล่าวว่า นโยบายต่างๆของพรรคดีพีเจนั้นไม่สามารถใช้ได้จริงและยังสร้างภาระให้กับอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ และการเปลี่ยนรถที่ใช้น้ำมันอยู่ทั้งหมดไปเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า หรือการติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ตามบ้านนั้น จะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการมหาศาล
ญี่ปุ่น ซึ่งได้ลงนามในพิธีสารเกียวโตได้ให้คำมั่นว่า จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 6% จากระดับการปล่อยก๊าซในปี 2533 ภายในปี 2555
สมาคมปิโตรเลียมญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ว่า เป้าหมายของพรรคดีพีเจนั้น เป็นอุปสรรคอย่างยิ่ง การลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกนั้น จะส่งผลกระทบอย่างหนัก
โตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน และบริษัทรถรายอื่นๆ ชี้รัฐบาลชุดใหม่ควรจะรับฟังความคิดเห็นของธุรกิจยานยนต์ รวมทั้งข้อมูลเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจก่อนที่จะตัดสินใจใช้นโยบายใดๆออกไป