กสิกรไทยคาดเงินเฟ้อทั้งปีติดลบ 0.4-0.9% เริ่มฟื้นเป็นบวก 3-5%ในปี 53

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 1, 2009 15:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองเศรษฐกิจไทยใกล้ที่จะหลุดพ้นภาวะเงินเฟ้อติดลบได้ในไม่ช้า หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ส.ค.52 เริ่มติดลบน้อยลงมาที่ติดลบ 1.0% จากที่เคยติดลบ 4.4% ในเดือนก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ดี จากมาตรการของรัฐบาลในการดูแลปัญหาค่าครองชีพให้แก่ประชาชน เช่น การลดราคาน้ำมันดีเซลลง 2 บาท/ลิตร, การตรึงราคาก๊าซหุงต้ม NGV และค่า FT ไปจนถึงเดือน ส.ค. 53 ประกอบกับแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดต่างประเทศอาจจะปรับตัวสูงขึ้นในขอบเขตที่จำกัดในช่วงปีนี้ คงมีผลทำให้การปรับเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศเป็นไปอย่างช้าๆ ในระยะ 2-3 เดือนข้างหน้า

โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในไตรมาส 3/52 จะติดลบน้อยลงมาอยู่ที่ 2.1-2.2% แต่ผลของฐานเปรียบเทียบที่เงินเฟ้อในช่วงปลายปีของปี 51 มีระดับค่อนข้างต่ำ จึงอาจจะเห็นตัวเลขอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปลายปีนี้เริ่มมีระดับสูงขึ้น และมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นในปีข้างหน้า โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลต้องยกเลิกมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพให้แก่ประชาชนในโครงการต่างๆ ลง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 52 จะติดลบเฉลี่ยประมาณ 0.4-0.9% ขณะที่ปี 53 อาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.0-5.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในปี 52 คาดว่าจะอยู่ที่ 0.0-0.5% ตามภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แต่คาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานขยับขึ้นไปที่ 1.5-2.5% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังคงมีระดับต่ำ และน่าที่จะยังคงอยู่ภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ 0.5-3.0% ต่อเนื่องไปจนตลอดช่วงครึ่งแรกของปี 53 เป็นอย่างน้อย

ทิศทางดังกล่าวจึงน่าจะยังคงเอื้ออำนวยให้ ธปท.รักษาแนวทางการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจไทย แม้สัญญาณเศรษฐกิจในหลายด้านบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังเริ่มเข้าสู่ระยะฟื้นตัว แต่ก็ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจกระทบต่อความต่อเนื่องของการฟื้นตัวในระยะข้างหน้าได้ ดังนั้น ธปท.อาจยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำต่อไปจนถึงกลางปี 53 เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจไทยให้ไปสู่จุดที่สามารถฟื้นตัวอย่างมั่นคงได้

สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามนับจากนี้ คือ ทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ โดยราคาสินค้าบางประเภท เช่น น้ำตาล มีการปรับตัวสูงขึ้นไปมาก รวมทั้งต้องจับตาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทิศทางราคาน้ำมัน กฎเกณฑ์หรือมาตรการของทางการจีนในการควบคุมดูแลการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินและการลงทุนของภาคธุรกิจ และการระบายสต็อกสินค้าเกษตรของรัฐบาลไทย ซึ่งอาจจะมีผลต่อราคาในตลาด



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ