ยอดสั่งซื้อสินค้าภาคโรงงานของสหรัฐในเดือนก.ค. มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปี เนื่องจากภาคเอกชนกำลังเพิ่มสินค้าในสต็อกมากขึ้น
นักวิเคราะห์จากโพลล์ของบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าภาคโรงงานในเดือนก.ค.พุ่ง 2.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2550 ขณะเดียวกันก็คาดว่า อัตราการผลิตไต่ระดับขึ้น 6.4% ต่อปีในไตรมาสสอง ส่วนตัวเลขจ้างงานเดือนส.ค.จะร่วงน้อยลง
บริษัทเอกชนหลายแห่งเริ่มมีอุปสงค์ที่ดีขึ้นจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ โดยผลกำไรที่ขยายตัว ประกอบกับความสามารถในการเข้าถึงเงินกู้มากขึ้นนั้นทำให้บริษัทเริ่มนำเงินมาลงทุนในการซื้อสินค้าใหม่ๆ นอกจากนี้ การฟื้นตัวในอุตสาหกรรมยานยนต์อันเป็นผลจากโครงการนำรถเก่าแลกซื้อรถใหม่ของรัฐบาลอาจช่วยให้มีบริษัทรถยนต์มียอดสั่งซื้อมากขึ้นในไม่กี่เดือนต่อจากนี้
คาร์ล ริคคาดอนน่า นักวิเคราะห์จากดอยช์แบงก์ ซีเคียวริตี้ อิงค์กล่าวว่า สินค้าในสต็อกของบริษัทเอกชนกำลังลดลงไปเรื่อยๆ ซึ่งในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปีนี้เราอาจได้เห็นบริษัทต่างๆ เพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเป็นสัญญาณสำคัญของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า อุปสงค์เริ่มฟื้นตัวหลังบริษัทต่างๆปรับลดสินค้าในสต็อกลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยมูลค่าสินค้าค้างสต็อกลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.592 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสสอง ต่อเนื่องจากที่ลดลง 1.139 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสแรก
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าในวันนี้เวลา 10:00 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงวอชิงตัน (หรือคืนนี้ตามเวลาในประเทศไทย)