ฟอร์ด มอเตอร์, โตโยต้า มอเตอร์ และฮอนด้า มอเตอร์ นำขบวนยอดขายรถในสหรัฐปรับตัวขึ้นเป็นเดือนแรกนับตั้งแต่ปี 2550 เนื่องจากโครงการรถเก่าแลกซื้อรถใหม่ของรัฐบาลสหรัฐได้ช่วยสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนซื้อรถ
ออโต้ดาต้า คอร์ป บริษัทวิจัยของสหรัฐเผยว่า ยอดขายรถใหม่ในสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.0% แตะ 1,261,977 ในเดือนที่แล้ว ซึ่งนับเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 1 ปี 10 เดือน และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ส.ค. 2551 ที่ยอดขายสูงกว่า 1 ล้านคัน
โดยผู้ผลิตรถชั้นนำ 3 รายของสหรัฐและญี่ปุ่นมียอดขายเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้นจากปีก่อน นำโดยฟอร์ด มอเตอร์ ที่มียอดขายโตขึ้นถึง 17.0% แตะ 176,000 คัน หลังจากที่ยอดขายขยับขึ้น 1.6% ในเดือนก.ค. นับเป็นรายแรกในบรรดาผู้ผลิตรถรายใหญ่ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นในปีนี้
ขณะที่โตโยต้า มอเตอร์ มียอดขายเพิ่มขึ้น 6.4% แตะ 225,088 คัน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว ส่วนยอดขายของฮอนด้า มอเตอร์ ไต่ขึ้น 9.9% มาอยู่ที่ 161,439 คัน
อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถยนต์ของเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม), ไครสเลอร์ กรุ๊ป และนิสสัน มอเตอร์ ยังคงลดลง 20%, 15% และ 2.9% ตามลำดับ
สำหรับปัจจัยหลักที่กระตุ้นยอดขายรถยนต์ในสหรัฐคือ การเปิดตัวโครงการรถเก่าแลกซื้อรถใหม่ของรัฐบาลสหรัฐ โดยโครงการดังกล่าวจะช่วยสมทบเงินจำนวน 3,500 - 4,500 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับผู้ที่นำรถเก่ามาแลกซื้อรถใหม่ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น การให้เงินอุดหนุนนี้มีเป้าหมายเพื่อพยุงตลาดรถยนต์ที่ซบเซาของสหรัฐ และกระตุ้นให้ค่ายรถผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงาน
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยังหวั่นเกรงว่า ยอดขายรถใหม่ในสหรัฐอาจสะดุดลงอีกครั้งในเดือนกันยายน หลังจากที่โครงการดังกล่าวได้สิ้นสุดระยะเวลาลงในช่วงปลายเดือนส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากโครงการได้รับการตอบรับอย่างดีมากจนทำให้งบประมาณที่เตรียมไหว้หมดลงอย่างรวดเร็ว