สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียรายงานว่า ยอดขาดดุลการค้าประจำเดือนก.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.56 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดือนมิ.ย.ที่มีอยู่เพียง 538 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ที่ 880 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
บิล อีแวนส์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากเวสต์ แบงกิ้ง คอร์ป กล่าวว่า "ออสเตรเลียเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้นเมื่อราคาถ่านหินและสินแร่เหล็กอ่อนตัวลง รายได้ของรัฐก็ลดลงด้วย จึงเป็นเหตุให้ยอดขาดดุลการค้าปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนก.ค."
นายเกลน สตีเฟน ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลียที่ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา คาดการณ์ว่า รายได้จากการส่งออกของออสเตรเลียจะหดตัวลงอีก 20% หลังจากที่พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว
ส่วนยอดส่งออกประจำเดือนก.ค.ลดลง 1% แตะที่ 2.004 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ขณะที่ยอดนำเข้าพุ่งขึ้น 4% แตะที่ 2.16 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียรายงานว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นตัวเลขชี้วัดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ขยายตัว 0.6% ในไตรมาส 2 ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 0.2% และมากกว่าไตรมาสแรกที่ขยายตัว 0.4% เนื่องจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจกดดันให้ธนาคารกลางออสเตรเลียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ยืนอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในขณะนี้ บลูมเบิร์กรายงาน