กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยว่า จีนตกลงที่จะซื้อพันธบัตรชุดแรกที่ออกโดยไอเอ็มเอฟ เป็นมูลค่าราว 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นความเคลื่อนไหวที่จะช่วยส่งเสริมศักยภาพด้านการกู้ยืมของไอเอ็มเอฟในขณะที่ไอเอ็มเอฟกำลังหาทางระดมทุนเพิ่มเพื่อนำไปปล่อยกู้ให้ประเทศสมาชิก และจะเป็นการกระจายการลงทุนของจีนในพันธบัตรต่างประเทศให้มีความหลากหลายมากขึ้น
โดมินิก สเตราส์ คาห์น ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ และ หยี่ กัง รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ได้ลงนามข้อตกลงร่วมกันวานนี้ที่สำนักงานใหญ่ของไอเอ็มเอฟในกรุงวอชิงตัน ซึ่งภายใต้ข้อตกลงระบุว่า ธนาคารกลางจีนจะซื้อพันธบัตรมูลค่า 3.2 หมื่นล้าน SDR หรือเทียบเท่ากับราว 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ SDR (special drawing right) ถือเป็นสกุลเงินหลักของไอเอ็มเอฟ โดยเป็นเกณฑ์วัดน้ำหนักทางเศรษฐกิจของชาติสำคัญๆที่เป็นสมาชิกของไอเอ็มเอฟ จากนั้นนำไปตีมูลค่าใหม่ให้อยู่ในรูปของค่าเงินเพื่อจะนำมาอ้างอิงในยามที่ชาติสมาชิกต้องการกู้เงิน หรือนำเงินไปซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตราระหว่างประเทศ
ไอเอ็มเอฟ ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิก 186 ชาติ ระบุในแถลงการณ์ว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยให้จีนมีเครื่องมือการลงทุนที่ปลอดภัย และช่วยกระจายการถือครองสินทรัพย์ต่างประเทศของจีนให้มีความหลากหลายมากขึ้น นอกเหนือไปจากพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐซึ่งจีนถือเป็นผู้ถือครองรายใหญ่ที่สุด ขณะเดียวกันก็เป็นการส่งเสริมศักยภาพของไอเอ็มเอฟในการช่วยเหลือประเทศสมาชิก โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาและตลาดเกิดใหม่ ให้สามารถฝ่าฟันวิกฤตการเงินโลกและช่วยให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้ง่ายขึ้น
ไอเอ็มเอฟระบุด้วยว่า บราซิล รัสเซีย และอินเดีย ซึ่งเป็นอีก 3 ประเทศในกลุ่ม BRIC นอกเหนือจากจีน ก็นับว่ามีศักยภาพที่จะเป็นผู้ซื้อพันธบัตรของไอเอ็มเอฟเช่นเดียวกัน สำนักข่าวซินหัวรายงาน