ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 ก.ย.) ก่อนที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานในวันศุกร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรทรงตัวหลังจากธนาคารกลางยุโรปมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้
บลูมเบิร์กรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์ขยับขึ้น 0.07% เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.4252 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธ 1.4262 ยูโร/ดอลลาร์ แต่พุ่งขึ้น 0.43% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 92.600 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 92.200 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.13% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0621 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0607 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่อ่อนตัวลง 0.36% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6326 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6268 ปอนด์/ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.64% แตะที่ 0.8390 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย 0.8337 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.64% แตะที่ 0.6768 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6725 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ฌอน คอลโลว์ นักวิเคราะห์ด้านปริวรรตเงินตราจาก Westpac Banking Corp กล่าวว่า ค่าเงินยูโรทรงตัวหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 1% ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของนักวิเคราะห์
สำนักงานสถิติแห่งยูโรโซนรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 50.4 ซึ่งเพิ่มความหวังว่าเศรษฐกิจยูโรโซนอาจหลุดพ้นจากภาวะถดถอยได้ในเร็ววัน โดยตัวเลขเหนือระดับ 50 แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวขึ้น โดยครั้งนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2551 ที่ดัชนีอยู่เหนือระดับ 50
ร็อบ ด็อบสัน นักวิเคราะห์จาก Markit Economics ซึ่งเป็นผู้รวบรวมดัชนี PMI กล่าวว่า ดัชนีเดือนส.ค.แสดงให้เห็นว่า ยูโรโซนอาจหลุดพ้นจากภาวะถดถอยได้ในไตรมาส 3 แต่การฟื้นตัวอาจไม่เร็วนัก
ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนก่อนที่กระทรวงพลังงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานในวันศุกร์ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐจะลดลง 230,000 ราย ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวลงน้อยที่สุดในรอบ 1 ปี และคาดว่าอัตราว่างงานจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 9.5%
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานเมื่อคืนนี้ว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง 4,000 ราย แตะระดับ 570,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 29 ส.ค. จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ 574,000 ราย และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 560,000 ราย
องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจกลุ่มประเทศ G-7 จะหดตัวลง 3.7% ในปีนี้ ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนมิ.ย.ว่าจะหดตัว 4.1% อย่างไรก็ตาม OECD เตือนว่า ภาวะอ่อนแอของผลกำไรในภาคเอกชน การจ้างงาน รายได้ และตลาดที่อยู่อาศัยจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจช้าลง