จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงน้อยกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงเผชิญอุปสรรคจากสถานการณ์ในตลาดแรงงานที่ซบเซาและรายได้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับต่ำ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐเผยยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงสู่ระดับ 570,000 ราย จากระดับ 574,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คิดว่าภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่อัตราว่างงานจะยังคงเพิ่มขึ้นจนถึงฤดูร้อนปีหน้าเป็นอย่างต่ำ เนื่องจากเศรษฐกิจยังเผชิญอุปสรรคต่อการฟื้นตัว เพราะรายได้ภาครัวเรือนยังคงได้รับแรงกดดันและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็น 70% ของระบบเศรษฐกิจจะยังคงชะลอตัว
นักวิเคราะห์จากบีเอ็มโอ แคปิตอล มาร์เกตส์ แสดงความเห็นว่า "บริษัทเอกชนยังคงชะลอการจ้างงาน ซึ่งนั่นสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองในแง่ลบเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังจากที่รัฐบาลได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไปจนหมดแล้ว"
โดยตัวเลขชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานถีบตัวขึ้นแตะ 6.23 ล้านราย ซึ่งเพิ่มขึ้น 92,000 รายจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ และปัญหานี้ยังคงย้ำเตือนว่าประชาชนยังคงเผชิญความยากลำบากในการหางานทำ
ด้านเอียน เชพเฮอร์ดสัน นักวิเคราะห์จาก High Frequency Economics กล่าวว่า "บรรดานายจ้างไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้เพราะมาตรการกระตุ้นเพียงอย่างเดียว และกังวลว่าหลังจากที่รัฐบาลใช้มาตรการดังกล่าวไปหมดแล้ว เศรษฐกิจจะกลับมาอ่อนแออีกครั้ง"
ทั้งนี้ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐที่เริ่มต้นขึ้นในเดือนธ.ค.2550 ได้ส่งผลให้นายจ้างปรับลดพนักงานไปแล้วทั้งสิ้น 6.7 ล้านตำแหน่ง ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่ากระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนส.ค.ในคืนนี้ (ตามเวลาในประเทศไทย) ที่ลดลงอีก 225,000 ตำแหน่ง ขณะเดียวกันก็คาดว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มเป็น 9.5% จากปัจจุบันนี้ที่ระดับ 9.4%