สำนักงานพลังงานสากล (IEA) วางแผนที่จะลดคาดการณ์การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ในปี 2573 หลังจากที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้ปริมาณการใช้พลังงานชะลอตัวลง ซึ่งทำให้ปริมาณมลภาวะลดลงตามไปด้วย
โนบุโอะ ทานากะ ผู้อำนวยการไออีเอ กล่าวว่า สำนักงานจะปรับลดคาดการณ์ลงเนื่องจากพิจารณาเห็นว่ากิจกรรมในภาคอุตสาหกรรมชะงักงันหลังจากที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ โดยไออีเอจะประกาศผลสรุปเรื่องการลดคาดการณ์ในการประชุมสุดยอดด้านสภาพอากาศของสหประชาชาติซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯในวันที่ 6 ต.ค.
บลูมเบิร์กรายงานว่า การประเมินของไออีเอจะถูกนำมาใช้เป็นพื้นฐานในการประชุมเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่กรุงโคเปนเฮเกนของเดนมาร์กเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งจะมีการเจรจาเรื่องเป้าหมายของแต่ละประเทศในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ก่อนที่พิธีสารเกียวโตจะหมดอายุลงในปี 2555
ทั้งนี้ ไออีเอได้คาดการณ์แนวโน้มพลังงานโลกปี 2551 ว่าจะขยายตัวแตะ 4.1 หมื่นล้านเมตริคตันในปี 2573 หากว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายในปี 2549 ที่ 2.8 หมื่นล้านตัน โดยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกนี้จำเป็นจะต้องมีการจำกัดไว้ให้อยู่ที่ 2.6 หมื่นล้านตันภายในปี 2573 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของยูเอ็นในการรักษาอุณหภูมิให้อยู่ภายในช่วง 2 องศาเซลเซียสที่ระดับที่ไม่เกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ การคาดการณ์ของ IEA ไม่นับรวมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากแหล่งอื่นๆ เช่น การผลิตก๊าซมีเทนที่ผลิตจากปศุสัตว์