นายเกียรติ สิทธีอมร ผู้แทนการค้าไทย(ทีทีอาร์) กล่าวว่า นักธุรกิจอินเดียสนใจที่จะขยายความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างไทยและอินเดียให้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะขณะนี้ประเทศอินเดียมีการลงทุนโครงการด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานมากกว่าแสนล้านบาท เช่น งานก่อสร้างสนามบิน, ถนน, ระบบประปา และภาคขนส่งมวลชน จากปัจจุบันที่มีการลงทุนก่อสร้างราว 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งอินเดียต้องการเชิญชวนนักลงทุนไทยให้เข้าไปร่วมลงทุนในส่วนนี้เพิ่มขึ้น
ขณะที่นักธุรกิจอินเดียเองให้ความสนใจอย่างมากที่จะเข้ามาลงทุนร่วมในประเทศไทย โดยเฉพาะภาคการก่อสร้าง, ภาคเกษตรและภาคการศึกษา
พร้อมกันนี้รัฐบาลไทยยังมีเป้าหมายจะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทย-อินเดียให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่ไทยส่งสินค้าไปขายในอินเดียเพียงปีละ 6,000 ล้านดอลลาร์ แต่จากข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย คาดว่าปีหน้ามูลค่าการค้าจะขยับได้ถึง 10,000 ล้านดอลลาร์
นายเกียรติ ยังกล่าวถึงการเจรจาการค้าการลงทุนกับประเทศบาห์เรนว่า รัฐบาลได้เจรจาเรื่องการสร้างคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าไทยและทั้ง 2 ประเทศจะได้กำหนดเป็นวาระการเยือนของผู้นำประเทศให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว
"ไม่ได้ทำเฉพาะบาห์เรนเท่านั้น แต่เป็นกลุ่มประเทศริมอ่าวอาหรับอีก 6 ประเทศด้วย ถ้าหากพัฒนาลุล่วงไปได้จะสามารถเพิ่มตัวเลขทางการค้ากับประเทศแถบอาหรับได้มากกว่า 3-4 เท่า หรือประมาณ 3-4 หมื่นล้านดอลลาร์" ผู้แทนการค้าไทย กล่าว
ปัจจุบันร่างแบบก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าไทย-บาห์เรน ได้จัดทำเสร็จสิ้นแล้วและได้ยกร่างเสนอต่อไปยังรัฐบาลบาห์เรน โดยส่งมอบไปเมื่อวันที่ 1ก.ย. คิดเป็นพื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 1 หมื่นตารางเมตร
ทั้งนี้ กลุ่มประเทศริมอ่าวอาหรับต้องนำเข้าอาหารประมาณ 80% ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อไทยอย่างมาก โดยเฉพาะการขยายตลาดอาหารฮาราล เนื่องจากอาหารฮาราลที่ผลิตจากประเทศไทยเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก และวันที่ 18 ก.ย.นี้ คณะของผู้แทนการค้าไทยจะนำภาคเอกชนทั้งสถาปนิก, วิศวกรกลุ่มก่อสร้างเข้าไปศึกษาลู่ทางการลงทุนเพื่อพัฒนาธุรกิจในศูนย์กระจายสินค้าไทย-บาห์เรน