นายทวารัฐ สูตะบุตร โฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการด้านพลังงาน ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2255 เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 ของรัฐบาลว่า กระทรวงพลังงาน มีโครงการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจรวม 6 โครงการ ในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ รองรับแหล่งไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นใหม่ โดยเน้นให้รัฐวิสาหกิจในสังกัดเป็นผู้ลงทุน
ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่พร้อมจะการดำเนินงานได้ทันทีและจัดหาแหล่งเงินทุนได้เอง ประกอบด้วย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) 2 โครงการ คือ โครงการระบบส่งเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่(IPP) กับโครงการระบบส่งเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนหงสาลิกไนต์
และบมจ. ปตท.(PTT) 4 โครงการ คือ แผนงานด้านก๊าซธรรมชาติ, แผนงานพัฒนาสถานีและตลาดน้ำมัน, แผนงานด้านการค้าระหว่างประเทศ มุ่งเน้นพัฒนาระบบคลังในภาคตะวันตกในการทำโลจิสติกส์ บริเวณท่าเรือระนองและแผนงานด้านปิโตรเคมีและการกลั่น ระยะเวลาลงทุน 3 ปี ระหว่างปี 2553 - 2555 จำนวนกว่า 129,192 ล้านบาท
"ส่วนใหญ่เน้นการลงทุนในปีหน้าประมาณ 74,337 ล้านบาท เพื่อให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว ตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล" โฆษก กระทรวงพลังงาน กล่าว
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน ยังมีแผนงานโครงการระบบส่งเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ ของ กฟผ. คือ น้ำงึม 3 และน้ำเทิน 1 จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน 2,810 ล้านบาท ระหว่างปี 2553 - 2555 ซึ่งผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2550 และเดิมมีแผนเบิกจ่ายงบในปี 2552 - 2557 แต่เนื่องจากข้อตกลงซื้อไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าจากต่างประเทศหมดอายุลง ประกอบกับต้นทุนการก่อสร้างและวัสดุอุปกรณ์ปรับราคาสูงขึ้น ส่งผลให้การก่อสร้างและการเบิกจ่ายงบเลื่อนออกไป จึงไม่สามารถดำเนินการได้ในปี 2553 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับลาว