นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลจะสามารถเบิกจ่ายเม็ดเงินภายใต้แผนปฏิบัติไทยเข้มแข็ง ลงไปสู่เศรษฐกิจได้จนถึงสิ้นปี 53 จะออกได้ร้อยละ 80 - 90 ของงบทั้งหด 7.3 แสนล้านบาท ตาม พ.ร.ก. และ พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พร้อมมั่นใจจะช่วยฟื้นตัวเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
"สิ่งที่สำคัญที่จะประคับประคองเศรษฐกิจฟื้นตัวเป็นไปอย่างยั่งยืน คือการเดินหน้าแผนปฏิบัติไทยเข้มแข็ง ซึ่งเมื่อวันศุกร์ได้เปิดตัวเรื่องไทยเข้มแข็ง ส่วนการลงทุนเพื่อยืนยันความพร้อม ที่จะใช้เงินจากแผนปฏิบัติไทยเข้มแข็งในการลงทุน .... เราจะเร่งรัดให้ได้ และได้สอบถามรมว.คลังมั่นใจ ว่าเงินในกรอบ พ.ร.ก. ฯ ที่มีสูงถึง 7.3 แสนล้านบาท จะสามารถลงไปสู่เศรษฐกิจได้จนถึงสิ้นปี 53 จะออกได้ร้อยละ 80-90 ซึ่งถือเป็นการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์ เป็นการลงทุนครั้งสำคัญ ที่ผมคิดว่าจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจ" นายอภิสิทธิ์ กล่าวในรายการ"เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์"
งบตามแผนปฏิบัติไทยเข้มแข็ง ส่วนใหญ่เน้นลงทุนไปกระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และ กระทรวงคมนาคม
โดยกระทรวงสาธารณสุขเตรียมยกระดับของสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสขุภาพประจำตำบล ตามแผนปฏิบัติไทยเข้มแข็ง ซึ่งขณะนี้ได้เร่งรัดจะเปิดได้ 1 พันแห่งเป็นอย่างน้อย และในปีหน้าจะการยกระดับได้ทั่วประเทศ ถึงเกือบ 1 หมื่นแห่ง
นอกจากนี้ ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลในการพัฒนาเศรษฐกิจ อีกด้านหนึ่งคือ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือไทยสร้างสรรค์ไทยเข้มแข็ง โดยการใช้ความคิด ใช้ภูมิปัญญาที่มีอยู่ ต่อยอดจากศิลปวัฒนธรรม อุตสาหกรรมบันเทิง การออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยในส่วนรัฐบาลก็จะปรับปรุงกลไก และองค์กรต่างๆ เพื่อเอื้อต่อการบริหารเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ให้ครบวงจร มีความเป็นเอกภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้ ซึ่งบุคคลากรจะต้องตอบสนองเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยจะลงไปดูหลักสูตรการศึกษาตามโรงเรียน การฝึกทักษะ รวมทั้งการสนับสนุนแหล่งเงินทุน ไปจนถึงเรื่องการตลาด
สำหรับปัญหาแรงงานต่างด้าว ได้รับการร้องเรียนมาจากเอกชน จากการเดินทางไปจ.กาญจนบุรี เรื่องนี้ก็จะเร่งรัดในการผลักดัน รวมทั้งจะจัดทำเป็นกฎหมายด้วย ได้แก่ พื้นที่ท่องเที่ยว อย่างเกาะสมุย จะมีการจัดทำในรูปแบบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และในส่วนการค้าชายแดนก็จะดำเนินการเช่นเดียวกัน