กระแสควบรวมกิจการในอุตสาหกรรมเหมืองมีแววคึกคักช่วง Q1/53 ขณะราคาโลหะเริ่มฟื้นตัว

ข่าวต่างประเทศ Monday September 7, 2009 09:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

การควบรวมกิจการในกลุ่มธุรกิจเหมืองทั่วโลกอาจฟื้นตัวขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า หลังจากที่กระแสการเทคโอเวอร์ธุรกิจดังกล่าวแผ่วลงกว่า 50% ในปีนี้ ขณะที่ราคาโลหะเริ่มปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางสัญญาณบ่งชี้ที่ว่าวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำนับตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังคลี่คลายลง

อิริค ลิลฟอร์ด นักวิเคราะห์จาก Deloitte Corporate Finance กล่าวว่า "ธุรกิจเหมืองรายใหญ่หลายแห่งกำลังควบรวมกิจการกันและบริษัทขนาดกลางจะถูกควบรวมกับบริษัทขนาดใหญ่ โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า เราจะได้เห็นถึงภาพรวมอุตสาหกรรมเหมืองที่แข็งแกร่งมากขึ้นผ่านการทำธุรกรรมดังกล่าว"

บลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาโลหะในปีนี้ทะยานขึ้น 68% ซึ่งกระตุ้นให้แบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ และสแตนดาร์ด แบงก์ เปิดทางให้มีการควบกิจการเหมืองกันมากขึ้น โดยกระแสการเทคโอเวอร์เริ่มคึกคักขึ้นขึ้นหลังเอลโดราโด้ โกลด์ คอร์ปของแคนาดาและหยานโจว โคล ไมนิ่ง ตกลงซื้อบริษัทเหมืองในออสเตรเลีย

ปีเตอร์ ริชาร์ดสัน นักวิเคราะห์ด้านตลาดโลหะจากมอร์แกน สแตนลีย์กล่าวว่า "จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าการทำธุรกรรมควบรวมกิจการนั้นมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับความเคลื่อนไหวของราคาเป็นอย่างมาก ซึ่งเราจะต้องได้เห็นวัฏจักรการควบรวมกิจการที่มากขึ้นอย่างแน่นอน"

นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรปกล่าวเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจโลกกำลังหลุดพ้นจากภาวะถดถอยครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ยุค 1930 ขณะที่ดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในยามที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจช่วยกระตุ้นอุปสงค์โลหะและวัตถุดิบอื่นๆ

ทั้งนี้ มูลค่าธุรกรรมควบรวมกิจการในธุรกิจเหมือง โลหะ ถ่านหิน และเหล็กลดลงนับตั้งแต่มีการปิดดีลที่ 1.87 แสนล้านดอลลาร์เมื่อปี 2550 ขณะที่ในไตรมาสนี้มีผู้ประกอบการยื่นข้อเสนอและบรรลุกข้อตกลงการควบรวมกิจการคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2 ที่มีมูลค่าการทำธุรกรรมราว 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ