สกุลเงินยูโรเคลื่อนไหวไต่ระดับขึ้นเป็นวันที่ 2 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียว ก่อนหน้าที่ยุโรปจะเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนประจำเดือนก.ย.ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือน ซึ่งจะบ่งชี้ถึงความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจในเขตยูโรโซนที่เริ่มดีขึ้น
นอกจากนี้ เงินยูโรยังแข็งค่าขึ้นเป็นวันที่ 3 เมื่อเทียบกับเงินเยน ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า เยอรมนีจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ค.ที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ซึ่งช่วยกระตุ้นความต้องการถือครองสินทรัพย์ที่มีอัตราผลตอบแทนสูง ขณะที่เงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ หลังรัฐมนตรีคลังจากกลุ่มประเทศ G20 ให้คำมั่นในที่ประชุมเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าจะยังคงใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป
บลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 10:07 น.ตามเวลาโตเกียว เงินยูโรแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.4327 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.4297 ดอลลาร์/ยูโร โดยเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 133.23 เยน/ยูโร จากระดับ 132.98 เยน/ยูโร ส่วนเงินดอลลาร์ซื้อขายที่ 93.03 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 93.01 เยน/ดอลลาร์
เงินดอลลาร์ออสเตรเลียไต่ระดับสู่ 85.22 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 85.07 เซนต์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และเพิ่มขึ้น 0.2% แตะที่ 79.27 เยน/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จาก 79.11 เยน/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
ทากาชิ คุโด นักวิเคราะห์จากเอ็นทีที สมาร์ทเทรด อิงค์กล่าวว่า "นักลงทุนต้องการถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจในแง่บวก ซึ่งภาวะเช่นนี้เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนสกุลเงินยูโรและสกุลเงินของประเทศผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจในแง่บวกที่ยิ่งช่วยให้เงินยูโรเดินหน้าต่อไป และอาจไต่ขึ้นไปเฉียดระดับ 1.44 ดอลลาร์ในวันนี้ก็เป็นได้"
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอยู่ในระดับต่ำสุดที่ 0-0.25% ส่วนญี่ปุ่นมีอัตราดอกเบี้ยที่ 0.1% เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยในออสเตรเลียที่ระดับ 3% และนิวซีแลนด์ที่ 2.5% ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ต่างกันเช่นนี้ทำให้สินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เป็นที่สนใจของนักลงทุน