นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) เปิดเผยว่า หากปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจยังทรงตัวและไม่มีปัจจัยที่เลวร้ายไปกว่านี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3/52 จะหดตัวในอัตราที่ชะลอลงน้อยกว่าไตรมาส 2 และไตรมาส 4/52 เศรษฐกิจจะเติบโตได้อย่างน้อย 3% ทำให้ทั้งปี 52 คาดว่าจีดีพีจะอยู่ที่ติดลบราว 3% โดยกระทรวงการคลังจะทบทวนเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงปลายเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งปัจจุบันคาดว่าจีดีพีปี 52 จะติดลบราว 2.5-3.5%
"ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจยังเป็นวีเชฟ โดยที่การใช้จ่ายภาครัฐยังเป็นเครื่องยนต์หลักกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งต้องเร่งรัดให้ได้ตามเป้าหมาย เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจกลายเป็น W shape...หากปัจจัยต่างๆ ยังทรงตัว ทั้งปัจจัยต่างประเทศ ราคาน้ำมัน ค่าเงินบาทที่มีเสถียรภาพ แม้อยู่ในระดับไม่น่าพอใจนัก รวมถึงการเมือง แต่หากมีเหตุการณ์ที่เลวร้ายขึ้น ไม่นิ่ง อาจจะทำให้นักลงทุนรีรอไม่ลงทุนก็จะกระทบเศรษฐกิจ แต่ถ้าปัจจัยดังกล่าวยังนิ่ง เชื่อว่าทั้งปีเลวร้ายสุดคงหดตัว 3%" ผู้อำนวยการ สศค.ระบุ
ขณะนี้สัญญาณเศรษฐกิจมีทิศทางในเชิงบวกต่อเนื่องมาตลอด แม้จะยังมีความเปราะบางที่อาจทำให้เศรษฐกิจหดตัวได้ แต่ดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจเกือบทุกด้านมีสัญญาณเชิงบวก ยกเว้นการลงทุนภาคเอกชน โดยการส่งออกหดตัวในอัตราที่ชะลอลง ตลาดต่างประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น เช่น เศรษฐกิจสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรปที่ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว
ประกอบกับ การบริโภคภายในประเทศ ที่เห็นได้จากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)เริ่มผงกหัวขึ้นมา โดยการจัดเก็บภาษี VAT เพิ่มขึ้นจาก 32,000 ล้านบาท/เดือนในช่วงที่ผ่านมา เป็น 37,000 ล้านบาท/เดือน ซึ่งถือว่าดีขึ้นมาก แต่สิ่งที่ยังกังวลอยู่ขณะนี้ คือ การนำเข้าที่หดตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนว่าการฟื้นตัวอาจเป็นเพียงระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม ภาครัฐจำเป็นต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ตามเป้าหมาย ทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี และโครงการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งที่ต้องมีเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ระบบอย่างเต็มที่ ดังนั้น จึงหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะปรับตัวเป็น V shape ได้