กระทรวงการคลังญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ว่า ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดประจำเดือนก.ค.ร่วงลง 19.4% จากปีที่แล้ว แตะระดับ 1.27 ล้านล้านเยน น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 1.45 ล้านล้านเยน โดยตัวเลขบัญชีเดินสะพัดเป็นมาตรวัดมูลค่าการค้าระหว่างญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆทั่วโลก
รายงานระบุว่า ยอดส่งออกในเดือนก.ค.ร่วงลง 37.6% แตะที่ 4.55 ล้านล้านเยน ซึ่งทำสถิติร่วงลงติดต่อกัน 10 เดือน ขณะที่ยอดนำเข้าดิ่งลง 41.2% แตะที่ 4.11 ล้านล้านเยน
ซูซูมุ คาโตะ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์คาลิยงในกรุงดตเกียว กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นยังคงทรุดตัวลงเนื่องยอดขายรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าหดตัวลง แม้เศรษฐกิจโดยรวมฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยรุนแรงแล้วก็ตาม โดยเมื่อไม่นานมานี้ ทางการญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดส่งออกภายในประเทศร่วงลง 36.5% ในเดือนก.ค. ซึ่งร่วงลงมากกว่าเดือนมิ.ย.ที่ลดลง 35.7% โดยอุตสาหกรรมการส่งออกเป็นปัจจัยหลักที่หนุนให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัว 3.7% ในไตรมาสที่แล้ว ทั้งนี้ ยอดส่งออกที่หดตัวอาจทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าลง
บริษัทเอกชนญี่ปุ่นลดตัวเลขการใช้จ่ายด้านทุนลง 22.2% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวลงติดต่อกัน 9 ไตรมาส หลังจากดิ่งลง 25.4% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยได้ฉุดผลกำไรหดตัวลงด้วย ข้อมูลดังกล่าวถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของรัฐบาลญี่ปุ่นชุดใหม่ภายใต้การนำของพรรคประชาธิปไตยแห่งญี่ปุ่น (ดีพีเจ) ว่าจะสามารถนำพาเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัวอย่างยั่งยืนได้หรือไม่
เซอิจิ ชิราอิชิ นักวิเคราะห์จาก HSBC กล่าวว่า บริษัททุกประเภทในญี่ปุ่นตั้งแต่บริษัท ซันโญ อิเล็กทริก ไปจนถึงเซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิ้ง ต่างพากันลดการใช้จ่าย เนื่องจากภาคครัวเรือนใช้จ่ายน้อยลงและยอดสั่งซื้อจากต่างประเทศปรับตัวลงด้วย ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกที่ยังคงอ่อนแอ