นายอลิสแตร์ ดาร์ลิ่ง รัฐมนตรีคลังอังกฤษเตรียมส่งสัญญาณปรับลดงบประมาณการใช้จ่ายภาครัฐ นับตั้งแต่งบด้านกลาโหมไปจนถึงโครงการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน พร้อมให้คำมั่นว่าจะดำเนินการอย่างเป็นธรรมเพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณ
ความเคลื่อนไหวใหม่ล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ หัวหน้าพรรคแรงงานซึ่งมีคะแนนนิยมตามหลังผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมยอมพิจารณาเรื่องการปรับลดตัวเลขค่าใช้จ่าย หลังจากที่เผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งทางพรรคอนุรักษ์นิยมชูนโยบายลดการใช้จ่ายทั่วทุกภาคส่วน ขณะที่พรรคแรงงานมุ่งปรับลดเฉพาะส่วนที่ไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนระดับรากหญ้า
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพรรคใดจะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งเดือนมิ.ย.ปีหน้า ต่างก็ต้องเผชิญกับปัญหาการขาดดุลงบประมาณที่มากที่สุดนับตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งทางกระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าตัวเลขขาดดุลจะพุ่งแตะ 12.4% ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปีงบประมาณที่สิ้นสุด ณ เดือนมี.ค.2553
ขณะเดียวกัน รัฐบาลมีแผนลดยอดขาดดุลลงเหลือ 5.5% ของจีดีพีในปี 2557 ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าแตะที่ 1.4 ล้านล้านปอนด์ (2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งกระแสคาดการณ์ดังกล่าวกระตุ้นให้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ เตือนว่า อังกฤษอาจสูญเสียอันดับเครดิตที่ AAA ก็เป็นได้
ทั้งนี้ ผลสำรวจที่จัดทำโดย ComRes ของนสพ.The Independent ระบุว่า พรรคอนุรักษ์นิยมมีคะแนนสนับสนุน 40% ขณะที่พรรคแรงงานมีคะแนนนิยม 24% และพรรคเสรีนิยมประชาธิปไตยมีคะแนนนิยมกระเตื้องขึ้นสู่ระดับ 21% ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 80% จากจำนวน 1,005 คนต้องการให้รัฐบาลเพิ่มการใช้จ่ายด้านสาธารณสุขและการศึกษา ขณะที่เกือบ 60% ต้องการให้รัฐบาลลดแผนการติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธนิวเคลียร์ที่มีค่าใช้จ่ายราว 2 หมื่นล้านปอนด์