ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) หลังจากมีข่าวว่ารัฐบาลจีนเตรียมออกพันธบัตรสกุลเงินหยวนมูลค่าทั้งสิ้น 6 พันล้านหยวนในฮ่องกง และหลังจากที่ประชุม G20 มีมติสนับสนุนรัฐบาลทั่วโลกให้เพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจ และปลีกตัวออกจากการถือครองสกุลเงินดอลลาร์หลังจากที่เคยมองว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย
บลูมเบิร์กรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 1.09% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.4490 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4334 ยูโร/ดอลลาร์ (*เหตุที่ต้องเทียบกับวันศุกร์เพราะตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กปิดทำการวันจันทร์ที่ 7 ก.ย.เนื่องในวันแรงงานสหรัฐ) และดิ่งลง 0.76% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 92.280 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 92.990 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 1.23% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0464 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.0594 ฟรังค์/ดอลลาร์ และค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.90% แตะที่ 1.6492 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6345 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.78% แตะที่ 0.8620 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.8553 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดตัวขึ้น 0.50% แตะที่ 0.6957 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.6921 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
โจเซฟ เทรวิซานี นักวิเคราะห์จากบริษัท FXSolutions กล่าวว่า เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เทขายดอลลาร์ นอกจากนี้ ข่าวที่ว่ารัฐบาลจีนเตรียมออกพันธบัตรสกุลเงินหยวนมูลค่าทั้งสิ้น 6 พันล้านหยวนในฮ่องกง วันที่ 28 ก.ย.นี้ ยิ่งทำให้นักลงทุนกระหน่ำขายสกุลเงินดอลลาร์อย่างหนัก เพราะจีนเป็นผู้ถือพันธบัตรรายใหญ่สุดของสหรัฐ แต่การที่จีนหันไปออกพันธบัตรสกุลเงินหยวน เท่ากับประกาศว่าเริ่มขาดความเชื่อถือในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนจับตาดูความเคลื่อนไหวของจีนมาโดยตลอด นับตั้งแต่นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนเรียกร้องให้มีการใช้เงินสกุล SDR เป็นค่ามาตรฐานในระบบสำรองเงินตราแทนที่สกุลเงินดอลลาร์ของสหรัฐ พร้อมเสนอให้ยกเครื่องระบบการเงินโลกที่ไร้การครอบงำจากสหรัฐ
มิทัล โกเตชา หัวหน้านักยุทธศาสตร์ด้านปริวรรตเงินตราจากธนาคารคาลิยงในฮ่องกงกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของจีนมีนัยสำคัญต่อตลาดปริวรรตเงินตราทั่วโลกและสะท้อนให้เห็นว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกำลังถูกลดบทบาทในฐานะสกุลเงินหลักของระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น หลังจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของออสเตรเลียประจำเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 8 จุด สู่ระดับ 18 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าข้อมูลดังกล่าวอาจกดดันธนาคารกลางออสเตเรลียให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมให้สูงขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สหรัฐจะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book วันพฤหัสบดีจะมีการเปิดเผยรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ค. และวันศุกร์จะมีการเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนส.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนก.ย. และรายงานตัวเลขงบประมาณของรัฐบาลกลางประจำเดือนส.ค.