นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้มีเงินไหลเข้ามาลงทุนทั้งในตลาดหุ้นและการลงทุนปกติ ซึ่งเกิดจากความมั่นใจของนักลงทุนที่มีต่อเศรษฐกิจของไทย และไม่พบความผิดปกติของเงินทุนไหลเข้าในระยะนี้
"สถานการณ์เงินไหลเข้าไม่มีความผิดปกติ การที่เงินไหลเข้ามาจากความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทย" รมว.คลัง กล่าวถึงการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยวานนี้ที่มูลค่าการซื้อขายสูงถึง 4 หมื่นล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าการขายหุ้นธนาคารสินเอเซีย (ACL) นั้น รมว.คลัง กล่าวว่า ไม่ขอพูดเรื่องนี้ เพราะมีความอ่อนไหวต่อราคาหุ้นในตลาด
รมว.คลัง กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปรับตัวเป็นบวกมาตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ ไม่ใช่ปรับตัวเป็นบวกแค่ช่วง 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งการปรับตัวของตลาดหุ้นไทย มาจากการคาดการณ์ว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะดีขึ้น จากความมั่นใจของนักลงทุนภาคเอกชน ภาคธุรกิจ การลงทุน นโยบายของรัฐบาล และเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่จะดีขึ้น ภายใต้การเมืองที่มีเสถียรภาพ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้สะท้อนภาพเชิงบวกในการบริหารประเทศของรัฐบาล
"เสถียรภาพเป็นเงื่อนไขสำคัญต่อการแก้ปัญหาให้ประชาชน รัฐบาลจึงต้องเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เงื่อนไขการเมืองเป็นหนึ่งในอุปสรรคการแก้ปัญหา และประชาชนมีสิทธิที่ที่จะชุมนุมหรือมีความคิดที่แตกต่างได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและไม่กระทบสิทธิของประชาชนโดยรวม" รมว.คลัง กล่าว
ทั้งนี้ ยอมรับว่า เงินทุนที่ไหลเข้าประเทศ เข้ามาเพื่อเก็งกำไรในตลาดหุ้น มีเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะเป็นองค์ประกอบของตลาดหุ้นทั่วโลก และตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดเล็กเสี่ยงต่อการไหลเข้าออกของเงินทุนที่รุนแรงจากสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงการเก็งกำไรในอัตราแลกเปลี่ยน แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย มีการดูแลและบริหารจัดการ เนื่องจากไทยเป็นเศรษฐกิจเปิด ทั้งการไหลเข้าออกของเงินทุน และการค้า ดังนั้นหากรัฐบาลสามารถดูแลรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ จะทำให้เกิดความมั่นใจ ซึ่งขณะนี้แนวโน้มเศรษฐกิจหลายด้านมีแนวโน้มที่ดีขึ้นชัดเจน "ตั้งแต่เราเริ่มโรดโชว์ เมื่อ มี.ค.52 ในต่างประเทศ เพื่อแสดงถึงความพร้อม และโอกาสการลงทุนในประเทศไทย เพื่อให้ต่างชขาติกลับมาลงทุนต่อเนื่อง ทั้งในตลาดหุ้นและการลงทุนของผู้ประกอบการ ที่สนใจขยายฐานการผลิตในไทย ทั้งญี่ปุ่น จีน สหรัฐและยุโรป" รมว.คลัง กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รัฐบาลพยายามสร้างภูมิคุ้มกันต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาว โดยการลดการพึ่งพาเงินทุนจากต่างประเทศ และลดการนำเข้าสินค้า ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นปี 52 โดยการกระตุ้นการบริโภค การลงทุนในประเทศ ส่วนหนึ่งยังช่วยลดปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทได้ด้วย