รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) แจ้งว่า บริษัท อาซิลอร์ มิตัล ยังคงสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากคาดว่าความต้องการเหล็กของไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้า เพราะเศรษฐกิจของไทยให้ความสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น โดยเฉพาะการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ ดังนั้นอัตราการใช้เหล็กของไทยจึงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ทางอาซิลอร์ มิตัล ยังระบุด้วยว่า ต้องการที่จะทราบถึงแนวคิดและความชัดเจนล่าสุดของรัฐบาลไทยที่มีต่อโครงการเหล็กต้นน้ำคุณภาพสูง โดยเฉพาะในเรื่องของระยะเวลาและพื้นที่ตั้งของโครงการ ซึ่งทางอาซิลอร์ก็ยินดีที่จะนำประสบการณ์การผลิตเหล็กมาเพื่อสร้างความก้าวหน้าให้กับโครงการเหล็กต้นน้ำคุณภาพสูงในไทยด้วย
สำหรับเรื่องแผนบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนหากเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทางอาซิลอร์ มิตัล ระบุว่า บริษัทฯ สามารถนำประสบการณ์จากการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนของโครงการผลิตเหล็กของบริษัทฯ ในกว่า 60 ประเทศทั่วโลกมาใช้ประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของไทย
อาซิลอร์ มิตัล ไม่ได้ใช้แผนบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนแบบเดียวกันในทุกประเทศที่เข้าไปลงทุน เนื่องจากแต่ละประเทศหรือแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันไป แต่อาซิลอร์ มิตัลมีมาตรฐานที่เหมือนกันคือ การเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม ทุกประเทศที่อาซิลอร์ มิตัลได้ไปลงทุน ได้มีการพูดคุยกับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโครงการ ทั้งกลุ่มเอ็นจีโอ รัฐบาล ชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนจัดทำช่องทางการติดต่อสื่อสารให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถหยิบยกประเด็นที่มีความกังวลมาพูดคุยกัน
ทั้งนี้ อาซิลอร์ มิตัล มีนโยบายและมาตรฐานที่บริษัทของอาซิลอร์ในทุกประเทศต้องปฏิบัติตาม โดยเฉพาะเรื่องสิ่งแวดล้อม พลังงาน สุขภาพและความปลอดภัย และการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม โดยมีตัวอย่าง คือ ในปี 51 บริษัทฯ สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 36 ล้านตัน ด้วยการนำเหล็กเก่ามาใช้งานใหม่ และมูลนิธิอาซิลอร์ ได้สนับสนุนโครงการในชุมชนจำนวน 587 โครงการด้วยจำนวนเงินกว่า 57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ