เควิน รัดด์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียกล่าวแสดงความคิดเห็นว่า ยอดค้าปลีกประจำเดือนก.คของออสเตรเลียที่ร่วงลง 1% ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลงเป็นเดือนที่ 2 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า จะเพิ่มขึ้น 0.5% สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจออสเตรเลียยังคงถูกกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย และบ่งชี้ว่าผลกระทบในด้านบวกของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มแผ่วลงแล้ว
"แม้ออสเตรเลียสามารถต้านทานภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยได้ดีกว่าประเทศอื่นเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราสามารถหลีกเลี่ยงจากผลกระทบได้" นายรัดด์กล่าวต่อรัฐสภาออสเตรเลีย
นอกจากนี้ นายรัดด์กล่าวว่า นอกเหนือจากยอดค้าปลีกแล้ว ตัวเลขการใช้จ่ายในอุตสาหกรรมค้าปลีกก็ปรับตัวลดลง ขณะที่ตัวเลขการปล่อยกู้เพื่อการซื้อบ้านลดลง 2.3% ในเดือนก.ค. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการที่เศรษฐกิจออสเตรเลียจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืนนั้นต้องอาศัยเวลาอีกระยะหนึ่ง
แอนเนท บีชเชอร์ นักวิเคราะห์จาก TD Securities กล่าวว่า ยอดค้าปลีกที่ปรับตัวลงเหนือความคาดหมายอาจทำให้นายเกลน สตีเฟนส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยนายสตีเฟนส์กล่าวว่า เขาจับตาดูยอดค้าปลีกภายในประเทศมาโดยตลอด เพื่อเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐจะส่งผลให้ผู้บริโภคใช้จ่ายเพิ่มขึ้นหรือไม่
"ยอดค้าปลีกที่ร่วงลงสะท้อนให้เห็นว่าภาคครัวเรือนเริ่มชะลอการใช้จ่าย โดยยอดขายสินค้าในครัวเรือนลดลง 3.6% และยอดขายอาหารดิ่งลง 1.9% ทั้งนี้ คาดว่ายอดค้าปลีกออสเตรเลียจะปรับตัวลดลงอีก เนื่องจากผลกระทบในด้านบวกของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มลดน้อยลง" บีชเชอร์กล่าว บลูมเบิร์กรายงาน