บีโอไอเผย ม.ค.-ส.ค.ยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนลดจากปีก่อนเกือบ 4 หมื่นลบ.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 10, 2009 11:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เผยยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในช่วง 8 เดือนแรก(ม.ค.-ส.ค.) ของปีนี้มีจำนวน 693 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 246,100 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 799 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 282,800 ล้านบาท

"แม้ภาพรวมของคำขอรับส่งเสริมจะลดลงบ้างเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่กลับพบว่ามีอุตสาหกรรม 3 กลุ่มหลักที่มีความสนใจจะเข้ามาลงทุนในไทยเป็นจำนวนมาก"นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการ บีโอไอ กล่าว

บีโอไอ ระบุว่าอุตสาหกรรม 3 กลุ่มหลักที่มีผู้สนใจเข้ามาลงทุนในไทยเป็นจำนวนมาก ประกอบด้วย อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นผลมาจากการตื่นตัวในการสร้างพลังงานทางเลือก ทำให้มีการขอรับส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มนี้เป็นจำนวนมาก เช่น โครงการผลิตเอทานอล โครงการผลิตก๊าซชีวภาพ โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม และโครงการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์

สำหรับโครงการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มพลังงานทดแทนที่น่าสนใจและมีมูลค่าเงินลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติจำนวน 3 โครงการ มูลค่า 86,200 ล้านบาท, โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมจำนวน 4 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 15,600 ล้านบาท และโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 1 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 2,300 ล้านบาท

ส่วนอุตสาหกรรมบริการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุน และมีมูลค่าเงินลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท ประกอบไปด้วย กิจการโรงแรมจำนวน 3 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 9,000 ล้านบาท, กิจการขนถ่ายสินค้าทางน้ำจำนวน 3 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 9,500 ล้านบาท และกิจการขนส่งทางอากาศ จำนวน 1 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 8,100 ล้านบาท

อีกอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก คือ อุตสาหกรรมอาหาร โดยเฉพาะอาหารแปรรูป ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคในต่างประเทศไม่มั่นใจในเรื่องความปลอดภัยของอาหารที่ผลิตในบางประเทศ ทำให้เกิดความต้องการอาหารและเครื่องดื่มที่ผลิตจากประเทศไทย ซึ่งได้รับการยอมรับเรื่องความปลอดภัยและมาตรฐานการผลิต ทำให้มีคำขอรับส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 28 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 6,458 ล้านบาท

ยอดคำขอรับส่งเสริมในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมามีจำนวนโครงการมากกว่าเดือน ก.ค.จำนวน 7 โครงการ โดยคำขอรับส่งเสริมเดือน ส.ค.มีจำนวน 105 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 23,800 ล้านบาท

การลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ(Foreign Direct Investment:FDI) ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ แม้จำนวนโครงการและมูลค่าเงินลงทุนจะลดลง เพราะบริษัทต่างชาติได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย แต่ก็ยังมีหลายประเทศที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะประเทศที่บีโอไอเพิ่งไปเปิดสำนักงานต่างประเทศแห่งใหม่เมื่อช่วงต้นปีนี้

การลงทุนจากประเทศจีน ซึ่งมีการเปิดสำนักงานใหม่ 2 แห่ง ที่ปักกิ่งและกวางโจว มีการขอรับส่งเสริมการลงทุน 14 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 4,829 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 298% หรือเกือบ 3 เท่าตัว, การลงทุนจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งบีโอไอได้เปิดสำนักงานแห่งใหม่ที่กรุงโซล ส่งผลให้มีคำขอรับส่งเสริมจากเกาหลีใต้จำนวน 21 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 4,727 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% และการลงทุนจากไต้หวัน ซึ่งมีสำนักงานบีโอไอแห่งใหม่ด้วย มีคำขอรับส่งเสริม 23 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 4,426 ล้านบาท

ส่วนประเทศที่บีโอไอและกระทรวงอุตสาหกรรมเดินทางไปชักจูงการลงทุนหลายครั้งก็มีการขอรับส่งเสริมการลงทุนเพิ่มมากขึ้น เช่น ประเทศอินเดีย มีการขอรับส่งเสริม จำนวน 13 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 4,568 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 400% หรือ 4 เท่าตัว และสหรัฐ มีจำนวน 27 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 4,547 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58%


แท็ก บีโอไอ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ