ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในตุรกีเริ่มชะลอความรุนแรงลงในช่วงไตรมาสสอง เมื่อพิจารณาจากตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่หดตัวน้อยกว่าช่วงไตรมาสแรก
สำนักงานสถิติแห่งชาติของตุรกีเปิดเผยว่า ตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาสสองหดตัวลง 7% ซึ่งน้อยกว่าที่ดิ่งลงอย่างหนักถึง 14.3% ในไตรมาสแรก แต่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังคงเผชิญช่วงเวลาที่เลวร้ายเมื่อเทียบกับอัตราการขยายตัวที่ 0.9% ในปี 2551
จากภาวะวิกฤตการเงินโลกทำให้ตุรกีเผชิญความยากลำบากทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นตัวบั่นทอนการบริโภคภายในประเทศ และฉุดรั้งยอดสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ อีกทั้งยังจุดชนวนอัตราว่างงานเพิ่มสูงขึ้น แต่การดำเนินนโยบายเชิงรุกของรัฐบาลได้ช่วยให้เศรษฐกิจส่งสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นเมื่อช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ธนาคารกลางตุรกีปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 9% นับตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา สู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7.75% ขณะที่รัฐบาลก็ลดการจัดเก็บภาษีซื้อยานยนต์และเครื่องใช้ภายในบ้าน
ผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนก.ค.ลดลงสู่ระดับ 9.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ดีขึ้นจากที่ดิ่งลง 9.7% ในเดือนมิ.ย. และ 17.4% ในเดือนพ.ค. นอกจากนี้ ยอดส่งออกในเดือนก.ค.ก็ร่วงน้อยลงเช่นกันโดยตกลง 28.3% เมื่อเทียบกับที่รูดลง 29.2% ในเดือนมิ.ย.
ตุรกีได้เจรจากับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เรื่องเงินกู้ล็อตใหม่ นับตั้งแต่ข้อตกลงครั้งก่อนหน้านี้สิ้นสุดสัญญาในเดือนพ.ค.2551 แต่ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก โดยไอเอ็มเอฟเรียกร้องให้ตุรกีควบคุมยอดขาดดุลบัญชีที่พุ่งสูงขึ้น ขณะที่รัฐบาลเพิ่มการลดหย่อนภาษีและเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางตุรกีเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ตุรกีอาจไม่จำเป็นต้องขอเงินกู้จากไอเอ็มเอฟ ตราบใดที่รัฐบาลยังสามารถคงวินัยทางการคลังต่อไปได้ ขณะที่ยอดขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของตุรกีในเดือนมิ.ย.ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10